เอเจนซีส์ - “ไอเอส” ฆ่าตัดหัวนักโบราณคดีอาวุโสผู้รับผิดชอบดูแลโบราณสถานในเมืองพัลไมรา มายาวนานถึง 4 ทศวรรษ นอกจากนั้น กลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงกลุ่มนี้ยังนำร่างนักวิชาการวัย 82 ปี ซึ่งได้รับยกย่องเป็นผู้บุกเบิกวงการโบราณคดีซีเรียที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20 ผู้นี้ แขวนประจานที่เสากรีก - โรมัน กลางจัตุรัสหลักของเมือง
มามูน อับดุลคาริม อธิบดีกรมโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ของซีเรีย เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (18 ส.ค.) ว่า ได้รับแจ้งจากครอบครัวของ คอลิด อาซาด ว่า อาซาด ถูกฆ่าตัดศีรษะในช่วงเช้าวันเดียวกัน และร่างของเขาถูกแขวนอยู่ที่เสาที่ตกทอดมาจากยุคกรีก - โรมัน ต้นหนึ่ง ในจัตุรัสหลักหน้าพิพิธภัณฑ์เมืองพัลไมรา
การเสียชีวิตของอาซาดยังได้รับการรายงานโดย “ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์” ที่มีฐานในลอนดอน โดยกลุ่มนี้ซึ่งมีเครือข่ายนักเคลื่อนไหวในซีเรียคอยส่งข่าวสารข้อมูลให้ ระบุว่า พวกนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งยึดครองเมืองพัลไมราอยู่ ได้สังหารอาซาดต่อหน้าผู้คนจำนวนหลายสิบคน
อับดุลคาริม เสริมว่า อาซาดถูกไอเอสจับตัวไปนานกว่าเดือนแล้ว เพื่อเค้นข้อมูลที่ซ่อนสมบัติต่าง ๆ ของเมืองพัลไมรา แต่นักโบราณคดีผู้เฒ่าไม่ยอมปริปากใด ๆ
ทางด้าน อับดัลราซซาค โมอาซ ผู้อำนวยการร่วมโครงการริเริ่มมรดกทางวัฒนธรรมของอเมริกัน สกูลส์ ออฟ โอเรียนทัล รีเสิร์ช (ASOR) บอกว่า อาซาดเป็นผู้อุทิศทั้งชีวิตให้แก่โบราณสถานต่าง ๆ ของเมืองพัลไมรา และเสียชีวิตเพื่อปกป้องเมืองนี้
“เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเห็นเมืองของเขาต้องตกอยู่ใต้การควบคุมของคนเหล่านี้ ดังนั้น เขาจึงยืนยันที่จะอยู่ที่นั่นต่อไป” โมอาซ บอก “ผมแน่ใจว่าเขาต้องพยายามโน้มน้าวไม่ให้ไอเอสทำลายโบราณวัตถุและโบราณสถานในพัลไมรา ดังนั้น เขาจึงถูกสังหาร”
โมอาซ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการทำหน้าที่ดูแลด้านมรดกทางวัฒนธรรมของซีเรีย ระบุด้วยว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีนักโบราณคดีอีกคนที่ทำหน้าที่อนุรักษ์ป้อมปราการในดามัสกัสถูกสังหาร
ไอเอสเข้ายึดเมืองพัลไมราเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมืองนี้ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก โดยมีซากโบราณสถานจากยุคโรมันเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย ทั้งนี้ ก่อนที่เมืองนี้จะแตกนานหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ซีเรียช่วยกันขนรูปปั้นนับร้อยชิ้นออกจากเมือง เนื่องจากกลัวว่าจะถูกไอเอสทำลาย
อาซาดนั้นได้ทำงานร่วมกับนักโบราณคดีทั้งที่เป็นชาวอเมริกัน ฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิส ในพัลไมรา มายาวนานกว่า 50 ปี นอกจากนั้น ยังเขียนหนังสือและข้อมูลทางวิชาการออกมามากมาย ทั้งเขียนคนเดียวและเขียนร่วมกับนักโบราณคดีซีเรีย หรือต่างชาติ ผลงานสำคัญ ๆ ของอาซาด มีอาทิ “เดอะ พัลไมรา สกัลป์เจอร์” และ “ซีโนเบีย, เดอะ ควีน ออฟ พัลไมรา แอนด์ ดิ โอเรียนต์"
อับดุลคาริม ยกย่องว่า อาซาด เป็น “หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการโบราณคดีซีเรียที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20” ขณะที่สำนักข่าวซานา ของทางการซีเรีย รายงานว่า อาซาดรับผิดชอบดูแลโบราณสถานในพัลไมรานาน 4 ทศวรรษจนกระทั่งปลดเกษียณในปี 2003 และหลังจากนั้น อาซาดยังคงทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญของกรมโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์
อาซาดที่ได้รับอนุปริญญาสาขาประวัติศาสตร์และการศึกษา จากมหาวิทยาลัยดามัสกัส ได้ค้นพบสุสานโบราณ ถ้ำ และสุสานยุคไบแซนไทน์ ในสวนของพิพิธภัณฑ์พัลไมรา
ก่อนหน้านี้ ไอเอสถูกประณามจากทั่วโลก หลังจากเผยแพร่วิดีโอภาพสมาชิกของกลุ่มใช้ค้อนและสว่านไฟฟ้าทำลายโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์เมืองโมซูล ทางภาคเหนือของอิรัก รวมทั้งใช้ระเบิดทำลายโบราณสถานอีกหลายแห่ง
เมื่อเดือนมีนาคม พวกสมาชิกไอเอสซึ่งอยู่ในเขตประเทศอิรัก ก็ทำลายโบราณสถานอายุ 3,000 ปีในเมืองนิมรอด และโบราณสถานอายุ 2,000 ปี ในเมืองฮาตรา จนเสียหายยับเยิน ถึงแม้ยูเนสโกรับรองให้โบราณสถานทั้งสองแห่งเป็นมรดกโลก ในเวลาต่อมา บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ประกาศว่า การกระทำดังกล่าวเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ไอเอสกระทำการใด ๆ กับซากเมืองโรมันในพัลไมรา รายงานที่ได้รับการเปิดเผยมีเพียงการระเบิดหลุมศพ ซึ่งจัดเป็นสถานที่บูชา 2 แห่ง ซึ่งไม่ใช่โบราณสถานยุคโรมัน แต่ถูกไอเอสตีความว่า เป็นของพวกนอกรีตและล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยหนึ่งในสถานบูชาที่ถูกทำลายนี้ เป็นหลุมศพของผู้สืบเชื้อสายจากลูกพี่ลูกน้องของศาสดามูฮัมหมัด นอกจากนี้ ไอเอสยังทำลายรูปปั้นสิงโตที่ตกทอดมาจากศตวรรษที่ 2 ซึ่งมีการค้นพบในปี 1975 รูปปั้นนี้ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์พัลไมรา และถูกบรรจุอยู่ในกล่องโลหะเพื่อป้องกันการเสียหาย
ต่อมาต้นเดือนกรกฎาคม ไอเอสเผยแพร่วิดีโอภาพการยิงเป้าทหารรัฐบาลซีเรีย 20 คนในอัฒจันทร์ของเมืองพัลไมรา ท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับร้อย ๆ