ยกเลิกภาวะฉุกเฉินในเฟอร์กูสัน ประท้วงต้านเหยียดผิวคืนสู่ความสงบ

รอยเตอร์ - เซนต์หลุยส์ เคาน์ตีเมื่อวันศุกร์(14ส.ค.) ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่บังคับใช้ในเมืองเฟอร์กูสัน มลรัฐมิสซูรีและพื้นที่โดยรอบ มาตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ สืบเนื่องจากการประท้วงรุนแรงบนท้องถนนระหว่างการชุมนุมประท้วงครบรอบ 1 ปี คดีตำรวจยิงชายผิวดำปราศจากอาวุธเสียชีวิตช่วงสุุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การประท้วงระลอกใหม่ปะทุขึ้นในเมืองเฟอร์กูวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวาระครบรอบ 1 ปี คดีอันโด่งดังตำรวจผิวขาวยิงนายไมเคิล บราวน์ ชายผิวดำวัย 18 ปี ปราศจากอาวุธ เสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน

การตายของนายบราวน์ และคำพิพากษาของคณะลูกขุนใหญ่ที่ไม่ตั้งข้อหาทางอาญานายตำรวจดาร์เรน วิลสัน รวมถึงเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนผิวสีลักษณะคล้ายกันทั้งในบัลติมอร์, เซาต์แคโรไลนา, ซินซินเนติ และ เทกซัส กระพือระลอกคลื่นแห่งการประท้วงการเหยียดผิว และใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ที่หลายครั้งเลยเถิดกลายเป็นเหตุจลาจลและปล้นสะดม รวมถึงการเดินขบวนแสดงความเห็นอกเห็นใจทั่วสหรัฐฯ

ในส่วนของเมืองเฟอร์กูสัน การประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นไปอย่างสงบ แต่เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (9 ส.ค.) มีเสียงปืนดังขึ้นหลายสิบนัด และตำรวจยิงนายไทรอน แฮร์ริส ชายผิวดำวัย 18 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยตอนนี้เขายังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนตำรวจกล่าวหาว่านายแฮร์ริสยิงใส่พวกเขา พร้อมตั้งข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ใช้อาวุธปืนกระทำผิดทางอาญาและยิงใส่ยานยนต์

หลายวันนับตั้งแต่นั้น ยังมีการประท้วงอื่นๆทั้งในและรอบๆเมืองเฟอร์กูสัน มีประชาชนหลายสิบคนถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์(10ส.ค.) หลังแสดงอารยะขัดขืนปิดกั้นสำนักงานศาล รวมถึงปิดกั้นถนนสายท้องถิ่นช่วงสั้นๆ อย่างไรก็ตามไม่มีการควบคุมตัวเพิ่มเติมมาตั้งแต่วันพุธ(12ส.ค.)

"หลังจากทบทวนสถานการณ์ต่างๆในตอนเย็นของทุกวันช่วง 4 วันที่ผ่านมาซึ่งอยู่ภายใต้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผมพอใจกับรายงานที่ว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเราสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันพฤติกรรมรุนแรงซ้ำรอยในเฟอร์กูสัน" สตีฟ สเตนเจอร์ ผู้บริหารเซนต์หลุยส์ เคาน์ตี ระบุในถ้อยแถลง