เอเอฟพี - รถไฟโดยสารอินเดีย 2 ขบวนซ้อน ตกรางหลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันเอ่อล้นเข้าท่วมรางม้าเหล็ก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยในพม่าก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอิระวดีที่ขณะนี้ทางการสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว และยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติธรรมชาติครั้งร้ายแรงนี้เพิ่มเป็น 69 ราย
หน่วยกู้ภัยอินเดียค้นหาผู้โดยสารที่อาจติดอยู่ในตู้โดยสารรถไฟตลอดคืนวันอังคาร (4 ส.ค.) หลังจากช่วงเวลาไม่นานก่อนเที่ยงคืน ขบวนรถไฟ “คามายานี เอ็กซ์เพรส” ที่วิ่งจากเมืองมุมไบ ได้ตกรางที่เมืองฮาร์ดา รัฐมัธยประเทศ เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำมาชัค เอ่อล้นเข้าท่วมรางก่อนหน้านั้นเพียงไม่นาน โดยผู้โดยสารบางคนเล่าว่า บริเวณทางรถไฟมีน้ำท่วมสูงเกือบถึงเอว
ไม่กี่นาทีต่อมา ขบวนรถไฟ “จานาทา เอ็กซ์เพรส” ที่มาจากทิศทางตรงกันข้ามจากเมืองปัฏนา มุ่งหน้าสู่มุมไบ ก็กรางในบริเวณเดียวกันอีกขบวน และตำรวจเผยว่า สามารถช่วยผู้โดยสารออกมาได้ราว 300 คน
สุเรศ ประภุ รัฐมนตรีการรถไฟอินเดีย แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธ (5) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 12 ราย ทว่า เอ็ม. เอส. คุปตะ ผู้บัญชาการตำรวจรถไฟของรัฐมัธยประเทศ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 27 ราย และบาดเจ็บ 70 คน เขาบอกด้วยว่า ตำรวจตรวจสอบตู้โดยสารทั้งหมดและนำร่างผู้โดยสารออกมาหมดแล้ว
ทางด้านโฆษกรัฐบาลของรัฐมัธยประเทศ ให้ตัวเลขผู้เสียชีวิต 29 ราย ประกอบด้วยชาย 13 คน, หญิง 11 คน และเด็ก 5 คน
รัฐบาลอินเดียได้สั่งการให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต
เครือข่ายรถไฟของอินเดียนั้นถือเป็นหนึ่งในระบบรถไฟเก่าแก่ที่สุดของโลก และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเนื่องจากสภาพทรุดโทรมขาดแคลนเงินทุนสนับสนุน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ทางการอินเดียได้ประกาศลงทุน 137,000 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงเครือข่ายม้าเหล็กของประเทศให้ทันสมัย ปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ภาพข่าวจากทีวีเผยให้เห็นตู้โดยสารพลิกจมอยู่ในโคลน ขณะที่หน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ตัดโลหะ และแพทย์เร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตตลอดทั้งคืน โดยน้ำที่ไหลเชี่ยวจากแม่น้ำได้พัดพาร่างผู้เสียชีวิตบางรายไปยังท้องทุ่งที่อยู่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาลมมรสุมได้พัดพาฝนมาตกหนักในอินเดีย ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนและอาคารบ้านเรือน มีผู้เสียชีวิตไปราว 180 คนในบริเวณด้านตะวันตกและตะวันออกของประเทศ
ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขณะนี้ กำลังประสบภัยพิบัติจากฤดูมรสุมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน ในจำนวนนี้รวมถึงชาวพม่าที่สถานการณ์ล่าสุดยังไม่น่าวางใจแต่อย่างใด
รายงานระบุว่า ชาวพม่าหลายหมื่นคนต้องอพยพหนีน้ำไปอาศัยอยู่ในวัดและศูนย์อพยพ พื้นที่ห่างไกลมากมายถูกตัดขาด ทำให้การจัดส่งความช่วยเหลือและสิ่งของบรรเทาทุกข์ติดขัด
กระทรวงสวัสดิการสังคมของแดนหม่องรายงานเมื่อวันพุธ (5)ว่า มีผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้รวมแล้ว 69 ราย และประชาชนกว่า 260,000 คนได้รับผลกระทบ
หลายพื้นที่ เช่น เมืองฮาคา เมืองเอกของรัฐชิน ที่มีประชากร 40,000 คน สามารถเข้าถึงได้โดยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น และบริเวณที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ ที่ราบต่ำลุ่มแม่น้ำอิระวดี โดยขณะนี้ มีการอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำดังกล่าวออกจากพื้นที่แล้ว สื่อของรัฐยังออกประกาศเตือนว่า น้ำในแม่น้ำอาจขึ้นสูงเกินระดับอันตรายในบางพื้นที่ของเขตมาเกว
วันอังคาร รัฐบาลพม่าได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุครัฐบาลทหารแทบไม่เคยยอมกระทำเลย และหลายประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนอร์เวย์ พากันตอบรับการร้องขอของพม่าแล้ว ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติยกระดับการรับมืออุทกภัยในพม่า โดยระบุว่าเป็น “ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่”
โครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ในสังกัดยูเอ็นเผยว่า ชาวพม่าราว 150,000 คนต้องการอาหารโดยเร่งด่วน และคาดว่าต้องใช้งบประมาณเพิ่ม 2.5 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดที่กัวลาลัมเปอร์ โดยแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของพม่าและบอกว่า อเมริกาจะประกาศแพ็คเกจความช่วยเหลือแก่พม่าในเร็วๆ นี้
