เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นายเจอร์รีย์ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินในวันเสาร์ (1 ส.ค.) หลังมลรัฐในความดูแลของตน ซึ่งเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 38.8 ล้านคน กำลังเผชิญกับไฟป่าครั้งเลวร้าย
การประกาศภาวะฉุกเฉินของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เกิดไฟป่าลุกลามหนักใน 15 ท้องที่ของมลรัฐแห่งนี้ และพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในแนวหน้า ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
คำแถลงของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ภาวะความแห้งแล้งขั้นรุนแรงและสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ คือ ต้นตอสำคัญของการเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ และประกาศพร้อมจะดำเนินทุกช่องทางที่จำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงที่ปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญอยู่ในแนวหน้า
ล่าสุด มีรายงานว่า พื้นที่ที่พบการลุกลามของไฟป่าในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ขยายตัวเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 18 ท้องที่แล้ว ไล่ตั้งแต่เขตฮัมโบลด์ท เคาน์ตี ทางตอนเหนือ เรื่อยลงมาจนถึงเขตซานดิเอโก เคาน์ตี้ ทางภาคใต้ของมลรัฐแห่งนี้
ทั้งนี้ ไฟป่าระลอกล่าสุดซึ่งเริ่มปะทุขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 18,000 เอเคอร์ และการลุกลามยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การควบคุมเพลิงนั้น ล่าสุด มีรายงานยืนยันว่าเพิ่งมีความคืบหน้าเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยชีวิตต้องอพยพหนีตาย ออกจากบ้านเรือนของตน
ข้อมูลของทางการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 1,000 นาย เข้าปฏิบัติภารกิจในการควบคุมไฟป่าทั่วมลรัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว และมีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกราว 8,000 คน จากทั่วสหรัฐฯที่พร้อมเดินทางเข้ามาสมทบเมื่อได้รับการร้องขอ
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า พบเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ควบคุมไฟป่าในมลรัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว 1 ราย คือ เจ้าหน้าที่เดวิด รูห์ล ซึ่งเดินทางมาจากมลรัฐเซาท์ดาโกตา และเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.) ที่ผ่านมา ระหว่างพยายามควบคุมไฟป่าที่เขตโมด็อก เคาน์ตี