เอเจนซีส์ - หุ้นจีนเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ร่วงลงกว่า 8% เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.) ถือเป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวในรอบระยะเวลากว่า 8 ปี ซ้ำดึงตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งตามกัน ท่ามกลางความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าความพยายามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของปักกิ่งที่จะกอบกู้พยุงตลาดหลักทรัพย์นั้นดูจะหมดพลังลงแล้ว
ตลาดหุ้นจีนที่สงบมาได้ระยะหนึ่ง หลังจากทางการระดมมาตรการสนับสนุนครั้งสำคัญเพื่อหยุดยั้งการดิ่งตัวที่เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ได้กลับมาผันผวนหนักอีกหนหนึ่งในวันจันทร์ (27) จากการที่ดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ดิ่งลงถึง 8.5% ปิดที่ 3,725.56 ขณะที่ดัชนี ซีเอส1300 ซึ่งใช้วัดความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัทใหญ่ๆ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดเซินเจิ้น ก็ตกฮวบ 8.6% ลงมาอยู่ที่ 3,818.73 เป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2007 ของดัชนีทั้ง 2 ตัว
แม้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากข่าวผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ไม่ค่อยดีนักในวันเดียวกัน และผลสำรวจการผลิตภาคเอกชนที่น่าผิดหวังที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (24) ทว่า รายงานทั้งสองชิ้นไม่ถือว่า มีน้ำหนักเพียงพอที่นำไปสู่การเทขายอย่างหนักครั้งล่าสุด
จิมมี่ ซัว เทรดเดอร์ของกัวเซน ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่า นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่า ภาวะกระทิงจะหวนกลับมาในเร็วๆ นี้ และดังนั้นจึงต้องการทำกำไรเข้าพกเข้าห่อไว้ก่อน หลังจากดัชนีสำคัญพุ่งทะลุระดับ 4,000
ขณะที่ หยาง ไห่ นักกลยุทธ์ของไคหยวน ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่า การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงก่อนหน้านี้ ภายหลังที่ทางการเข้าแทรกแซงอย่างแข็งขัน ทำให้นักลงทุนเห็นว่าจะต้องมีการปรับฐานที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นในทางลบอื่นๆ เป็นต้นว่า ภาวะซบเซาในตลาดอเมริกาและการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาสส่งท้ายปีนี้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีกำหนดประชุมกันในวันอังคาร-พุธนี้ (28-29)
ไห่เสริมว่า ปัจจัยดังกล่าวข้างตนซึ่งเมื่อประกอบกับราคาสุกรที่แพงขึ้นในจีน จึงโหมกระพือความกังวลว่า ปักกิ่งอาจชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินออกไปก่อน
ทั้งนี้ ช่วงปลายเดือนที่แล้วและต้นเดือนนี้ ทางการจีนได้ใช้ทั้งมาตรการลดดอกเบี้ย สั่งชะลอการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก ผ่อนคลายกฎการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์และสินทรัพย์ค้ำประกัน สนับสนุนการปล่อยเงินกู้แก่บริษัทหลักทรัพย์ และสั่งให้กิจการของรัฐเข้าซื้อหุ้นพร้อมให้เงินอัดฉีดจากธนาคารกลาง ขณะที่บริษัทจำนวนมากสมัครใจระงับการซื้อขายหุ้นของตนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เพื่อพยุงราคาหุ้นที่ตกรูดลงกว่า 30% คิดเป็นมูลค่า 32 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน
หลังจากการดำเนินมาตรการเหล่านี้ ตลาดหุ้นจีนฟื้นขึ้นประมาณ 15% ก่อนถูกเทขายอย่างหนักระลอกใหม่เมื่อวันจันทร์ โดยที่การดำดิ่งหนนี้มีลักษณะตกกันทั้งกระดาน กล่าวคือมีหุ้นของบริษัท 2,247 แห่งดิ่งลง มีเพียง 77 บริษัทที่ปิดบวก และหุ้นกว่า 1,500 ตัวในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นดิ่งลงถึงระดับต่ำสุดที่อนุญาตให้ลงไปได้ในระหว่างวัน
การเทกระจาดของตลาดหุ้นจีนในวันจันทร์ฉุดตลาดอื่นๆ ในเอเชียร่วงตามๆ กัน อาทิ ดัชนีหั่งเส็งของตลาดฮ่องกงดิ่งลง 3.1% ปิดที่ 24,288.54, ดัชนีนิกเกอิของตลาดโตเกียวติดลบ 1% ปิดที่ 20,350.10 มีเพียงตลาดซิดนีย์ที่ดัชนีบวก 0.4% ปิดที่ 5,589.90
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดการซื้อขายวันแรกของสัปดาห์ด้วยข่าวร้ายจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า กำไรภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.3% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเดือนที่สอง และข่าวร้ายนี้ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นการเทขายทองคำ ทองแดง และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย