เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security : DHS) ของสหรัฐฯ ระบุรัฐบาลเมืองลุงแซมรับชาวซีเรียที่หนีภัยจากสงครามกลางเมืองในประเทศบ้านเกิดให้เข้ามาลี้ภัยในแผ่นดินอเมริกันมากกว่า 800 ราย
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างข้อมูลของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่า เฉพาะในปี 2013 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีการเก็บข้อมูล พบว่า รัฐบาลอเมริกันได้รับผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวซีเรียให้เข้ามาลี้ภัยในสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้น 811 ราย
ยอดผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวซีเรียที่ได้เข้ามาลี้ภัยในสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้น 811 รายดังกล่าวเมื่อปี 2013ถือเป็นตัวเลขผู้อพยพชาวซีเรียที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า “22 เท่า” เมื่อเทียบกับจำนวนผู้อพยพชาวซีเรียชุดแรกจำนวน 36 ราย ที่สหรัฐฯ รับให้เข้ามาลี้ภัยในประเทศเมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่มีสงครามกลางเมืองในซีเรีย
ด้านอันโตนิว มานูเอล เด โอลิเวรา กูเตร์เรส อดีตนายกรัฐมนตรีของโปรตุเกสซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations High Commissioner for Refugees) ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้ซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีการส่งออกผู้อพยพสูงที่สุดในโลกไปแล้ว จากผลพวงของความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 และยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่าแม้จำนวนผู้อพยพชาวซีเรียที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาลี้ภัยในเมืองลุงแซมจะเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 22 เท่า แต่จำนวนผู้อพยพชาวซีเรียทั้งหมดในสหรัฐฯ ก็ยังถือว่ามีจำนวนน้อยมาก คือ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นของจำนวนชาวต่างชาติที่ได้เข้ามาลี้ภัยในสหรัฐฯ ทั้งหมด โดยที่ผู้ลี้ภัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในอเมริกามีสัดส่วนสูงที่สุด คิดเป็น 34 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยผู้ลี้ภัยชาวอียิปต์ 14 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกโรงเรียกร้องให้บรรดาประเทศผู้บริจาค เร่งให้ความช่วยเหลือต่อผู้อพยพ จำนวน 3.9 ล้านคนที่หนีตายจากผลพวงของสงครามกลางเมืองในซีเรีย ระบุเงินช่วยเหลือ “ยังต่ำกว่าเป้าอื้อ” และอาจกระทบต่อชะตากรรมของเหยื่อสงครามเหล่านี้
โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ออกคำแถลงวิงวอนประเทศผู้บริจาคทั่วโลกเร่งสมทบเงินช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียจำนวนมากกว่า 3.9 ล้านคนที่ต้องอพยพจากประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเพราะผลพวงจากสงครามกลางเมืองซีเรียที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2011
ข้อมูลล่าสุดของยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ภารกิจในการดูแลผู้อพยพจากสงครามกลางเมืองซีเรียนั้น ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 4,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 152,990 ล้านบาท)
แต่จนถึงเวลานี้เงินบริจาคเพื่อการนี้ที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้รับ เพิ่งมีเพียง 1,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,820 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินทั้งหมดที่ต้องนำไปใช้เพื่อดูแลผู้อพยพชาวซีเรีย ที่ในขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 3.9 ล้านคน และหลบหนีไปอาศัยตามชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบ
ก่อนหน้านี้ บรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านผู้อพยพ และองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเคยคาดการณ์ว่าจะมีผู้อพยพจากสงครามซีเรียราว 1.6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนด้านอาหารในปีนี้ ขณะที่เด็กๆ ชาวซีเรียราว 750,000 รายต้อง “ออกจากระบบการศึกษา” จากผลของสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองซีเรียที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 ได้คร่าชีวิตชาวซีเรียไปแล้วมากกว่า 230,000 ราย ขณะที่ราว 3.9 ล้านคนต้องอพยพหนีตายออกนอกประเทศ และชาวซีเรียอีกมากกว่า 7.2 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศของตัวเอง