เอพี / รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รายงานข่าวล่าสุด ที่มีการเผยแพร่ออกมาในวันเสาร์ ( 4 ก.ค.) ยืนยัน ในเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านพ้นไปมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากการตกเป็น “เหยื่อ” การฆาตกรรมทั้งสิ้นถึง 677 รายในประเทศเอลซัลวาดอร์ ส่งผลให้เดือนที่แล้วกลายเป็นเดือนที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่สิ้นสุดยุค “สงครามกลางเมือง” เป็นต้นมา
รายงานข่าวซึ่งอ้าง มิเกล ฟอร์ติน มากานา เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการแพทย์ของทางการเอลซัลวาดอร์ระบุว่า จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมทั่วประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 677 ราย ถือเป็นตัวเลขความสูญเสียที่แซงหน้ายอดผู้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมของเดือนพฤษภาคมที่มีทั้งสิ้น 641 ราย
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ระบุว่า ตลอดช่วง 6 เดือนแรกของปี 2015 นี้มีผู้ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมในเอลซัลวาดอร์ทั้งสิ้น 2,965 ราย ซึ่งถือว่าเป็นยอดความสูญเสียที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับยอดเหยื่อฆาตกรรมจำนวน 1,840 รายของช่วงเดียวกันเมื่อปี 2014
ทั้งนี้ ปัญหาความรุนแรงที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคมเอลซัลวาดอร์ส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากการปะทะกันเอง ระหว่างแก๊งอาชญากรตามท้องถนน ตลอดจนการปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลเอลซัลวาดอร์กับพวกแก๊งอาชญากร
ก่อนหน้านี้ เคยมีการทำข้อตกลงยุติความขัดแย้งระหว่างแก๊งอาชญากรขนาดใหญ่ในเอลซัลวาดอร์ ส่งผลให้ปัญหาความรุนแรงในประเทศลดน้อยถอยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะยอดเหยื่อฆาตกรรมที่ลดลงมาเหลือเพียงวันละ 6 รายโดยเฉลี่ยขณะที่ค่าเฉลี่ยของจำนวนเหยื่อฆาตกรรมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพุ่งสูงถึง 22.6 รายต่อวัน
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงยุติความขัดแย้งระหว่างแก๊งอาชญากรขนาดใหญ่ในเอลซัลวาดอร์ดังกล่าว ดำรงอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีก็ถูกละเมิดจากสมาชิกแก๊งต่างๆ ส่งผลให้ปัญหาความรุนแรงกลับมาหลอกหลอนชาวเอลซัลวาดอร์อีกครั้ง
ในอดีต เอลซัลวาดอร์ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 12 ปี โดยข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า สงครามกลางเมืองเอลซัลวาดอร์ซึ่งยุติลงไปเมื่อปี ค.ศ. 1992 นั้น ได้คร่าชีวิตผู้คนในประเทศนี้ไปสูงถึงกว่า 76,000 ราย และจนถึงทุกวันนี้ยังคงมีผู้ที่หายสาบสูญจากยุคแห่งความขัดแย้งนั้นอีกกว่า 12,000 ราย