เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย มีคำสั่งตรวจสอบสภาพความปลอดภัยฝูงบินของกองทัพอากาศที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน หลังเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินขนส่งเฮอร์คิวลิส ซี 1-30 ร่วงใส่ชุมชนในเมืองเมดานบนเกาะสุมาตราเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 142 คน
เครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวม 122 ชีวิตประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง และร่วงลงใส่ย่านที่พักอาศัยของประชาชน ภายหลังเดินทางออกจากฐานทัพได้ไม่กี่นาที ซึ่งอาจเป็นอุบัติเหตุครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศอิเหนาที่มีสถิติความปลอดภัยย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทวิ บาดาร์มันโต โฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เวลานี้สามารถระบุเอกลักษณ์ผู้ตายได้แล้ว 42 ศพ แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากกองทัพเชื่อว่าคงไม่มีผู้โดยสารคนใดรอดชีวิต
อุบัติเหตุสยองที่เกิดขึ้นกับเครื่องบิน ซี-130 ยิ่งเน้นให้เห็นถึงมาตรฐานความปลอดภัยการบินที่ตกต่ำของกองทัพอิเหนา รวมไปถึงฝูงบินที่ถูกใช้งานมานาน
“สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกจากเครื่องบินเฮอร์คิวลิส จากนั้นจะต้องมีการประเมินศักยภาพของเครื่องบิน และระบบป้องกันทางอากาศที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากแล้ว” ประธานาธิบดี วิโดโด แถลงผ่านสื่อทวิตเตอร์เมื่อค่ำวานนี้ (30)
“ผมหวังว่าจะไม่เกิดหายนะเช่นนี้ขึ้นอีก”
ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำอินโดนีเซียจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินตกภายในวันนี้ (1 ก.ค.)
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินขนส่งลำนี้เกิดระเบิดกลางอากาศ ก่อนจะตกใส่อาคารบ้านเรือนและโรงแรมแห่งหนึ่งภายในเขตชุมชนใหม่ของเมืองเมดาน ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาเมืองใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะอินโดนีเซีย
ล่าสุด ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งในเครื่องบินและบนพื้นรวมทั้งสิ้นกี่คน
เครื่องบินลำนี้ออกเดินทางจากฐานทัพเมืองเมดาน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองตันหยงปีนังบนหมู่เกาะรีเอา นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา
สื่อท้องถิ่นระบุว่า นักบินได้แจ้งขอบินกลับไปยังฐานทัพเพราะเครื่องยนต์ขัดข้อง แต่ก็ประสบอุบัติเหตุตกเสียก่อน
ข้อมูลจากเครือข่ายความปลอดภัยด้านการบิน (Aviation Safety Network) ระบุว่า เหตุเครื่องบินตกครั้งนี้อุบัติเหตุทางการบินขั้นร้ายแรงครั้งที่ 10 ที่เกิดขึ้นกับกองทัพและตำรวจอินโดนีเซียในรอบ 10 ปี
กองทัพอากาศอินโดนีเซียสูญเสียเครื่องบิน ซี-130 ไปแล้ว 4 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาอากาศยานรุ่นนี้ถูกใช้เพื่อการขนส่งข้ามหมู่เกาะต่างๆ จากฝั่งตะวันตกไปจรดปลายสุดทางด้านตะวันออกของประเทศ ซึ่งคิดเป็นระยะทางกว่า 5,000 กิโลเมตร
ล่าสุด กองทัพได้สั่งระงับการใช้งานเครื่องบิน ซี-130 ที่ยังเหลืออยู่ 8 ลำ จนกว่าพนักงานสอบสวนจะระบุต้นตอของอุบัติเหตุที่เมืองเมดานได้