เอเอฟพี - ทางการฝรั่งเศสได้ส่งตัวชายผู้ต้องสงสัยจากเหตุการณ์โจมตีโรงงานที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของพวกนักรบญิฮัด ไปสอบสวนที่กรุงปารีสในวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) โดยมีการพบด้วยว่าชายคนนี้ได้ถ่ายรูปเซลฟีการตัดหัวสุดสยอง โดยที่เหยื่อนั้นเป็นเจ้านายของเขาเอง
ตำรวจต่อต้านก่อการร้ายจะนำตัว ยัสซิน ซัลฮี คุณพ่อลูกสาม อายุ 35 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ไปทำการตรวจสอบค้นหาเบาะแสและแรงจูงใจในการก่อเหตุร้ายโจมตีโรงงานแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองลียงเมื่อวันศุกร์
ซัลฮีเริ่มเปิดปากพูดกับเจ้าหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่หลายชั่วโมง
ด้านทางการแคนาดาพยายามช่วยเหลือฝรั่งเศสในการคลี่คลายคดีนี้ โดยมีการแจ้งว่า ซัลฮี ได้ถ่ายเซลฟีสุดสยองที่มีตัวเขากับหัวของเหยื่อที่ถูกตัด แล้วส่งผ่านแอปพลิเคชัน “วอตแอป” ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ในแคนาดา
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เตือนว่าอาจเป็นหมายเลขที่ใช้ถ่ายโอน โดยผู้ที่รับตัวจริงอาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้
เมื่อเช้าวันศุกร์ ซัลฮีได้ขับรถตู้บุกเข้าไปในโรงงานของบริษัทสัญชาติอเมริกา “แอร์โปรดักต์ แอนด์ เคมิคัล” ที่ทำธุรกิจแก๊สและเคมีภัณฑ์ โรงงานตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลียง
เขาถูกพนักงานดับเพลิงจำนวนมากหยุดยั้งเอาไว้ได้ตอนที่พยายามจะเปิดขวดสารเคมีอะซิโตน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจงใจจะระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อทำลายโรงงานแห่งนี้
จากนั้นตำรวจได้พบหัวของเฮิร์ฟ คอร์นารา เจ้านายวัย 54 ปีของซัลฮี อยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าโรงงาน ใกล้กันนั้นก็มีธงแบบมุสลิม 2 ผืนที่มีภาษาอารบิกเขียนอยู่บนนั้น แต่ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาบอกว่าเป็นผู้บงการเหตุโจมตีครั้งนี้
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทีมสืบสวนระบุว่า ซัลฮีมีแนวคิดหัวรุนแรงมานานนับทศวรรษแล้ว โดยมีการติดต่อกับ “เฟรเดอริก ฌอง ซัลวี” ชาวฝรั่งเศสผู้เปลี่ยนมานับถืออิสลามที่รู้จักกันในชื่อ “อาลี” ที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ากำลังเตรียมการโจมตีในอินโดนีเซียร่วมกับกลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะห์
การชันสูตรศพผู้เสียชีวิตยังไม่สามารถคลี่คลายข้อสงสัยได้อย่างชัดเจน บรรดาผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถระบุได้ว่าเหยื่อถูกฆ่าก่อนที่จะตัดคอหรือเสียชีวิตเพราะถูกตัดคอ
เมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีมหาดไทย แบร์นาร์ด คาเซเนิฟ ได้บอกว่า มีการสืบสวนพบซัลฮีเกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรง “ซาลาฟิสต์” ในเมืองลียง แต่ไม่รู้ว่าได้ร่วมปฏิบัติการก่อการร้ายหรือไม่ ทั้งยังไม่มีประวัติอาชญากรรม
หลายชาติในยุโรปต้องเผชิญกับการโจมตีของพวก “หมาป่าเดียวดาย” มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งพวกนี้คือคนที่สนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม แต่จะก่อเหตุร้ายด้วยตัวเองเพียงลำพัง
ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในยุโรป เพิ่งจะผ่านกฎหมายสอดแนมออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ให้อำนาจในการดักจับข้อมูลพลเมืองของตน โดยระบุว่ากฎหมายนี้เป็นการติดอาวุธที่ดีมากขึ้นให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้สู้กับภัยคุกคามของพวกนักรบญิฮัด