เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นถูกโห่ในวันนี้ (23) ที่พิธีรำลึกครอบรอบ 70 ปีการสิ้นสุดยุทธการโอกินาวา ศึกที่นองเลือดที่สุดในสงครามแปซิฟิก เนื่องจากมีประชาชนท้องถิ่นไม่พอใจกับการตั้งอยู่ของฐานทัพสหรัฐฯ
ในพิธีดังกล่าวบนเกาะโอกินาวะ นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ถูกโห่โดยกลุ่มชาวบ้านท้องถิ่นที่ไม่พอใจกับขนาดของฐานทัพสหรัฐฯบนเกาะใกล้เขตร้อนแห่งนี้
มีเสียงตะโกนว่า “กลับบ้านไป!” ดังขึ้นมาขณะที่ อาเบะ ขึ้นมายังแท่นโพเดียม มันเป็นเรื่องค่อนข้างปกติสำหรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่จะถูกถากถางจากสาธารณะชน
อาเบะ บอกกับผู้ฟังอย่างตะกุกตะกักว่า ญี่ปุ่นได้รับผลประโยชน์จากสันติภาพมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว หลังจากความเลวร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2
“ประชาชนบนเกาะโอกินาวาถูกร้องขอให้รับภาระใหญ่เพื่อความมั่นคงของเรามานาน” เขากล่าว “เราจะยังคงทำให้ดีที่สุดเพื่อลดภาระดังกล่าว”
ทาเคชิ โอนากะ ผู้ว่าการจังหวัดโอกินาวาได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากฝูงชน 5,000 คน หลังจากที่เขากล่าวปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ฐานทัพสหรัฐฯ ในโอกินาวะว่าเป็น “ภาระหนักอึ้ง” โดยจังหวัดเกาะนี้รับรองกว่าครึ่งหนึ่งของทหารสหรัฐฯทั้งหมด47,000 คนในญี่ปุ่น
“73.8 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งก่อสร้างของกองทัพสหรัฐฯในญี่ปุ่นยังคงกระจุกอยู่ในจังหวัดของเรา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.6 ของที่ดินในประเทศเท่านั้น” เขากล่าว
พิธีดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่เมืองอิโตมัง ส่วนปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะโอกินาวา ใกล้กับจุดที่ชาวบ้านท้องถิ่นกระโดดลงจากหน้าผาหรือถูกผลักลงไปตายในเดือนมิถุนายนปี 1945 ด้วยคำสั่งของทหารกองทัพจักรพรรดิที่ได้รับการสั่งสอนว่าห้ามยอมแพ้เป็นอันขาด
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (23) ผู้มาเยือนหลายพัน ส่วนมากเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามดังกล่าว เดินแถวอย่างช้าๆ ผ่านอนุสรณ์หินอ่อนที่สำที่จารึกชื่อผู้ที่ตกลงไปตาย เพื่ออธิษฐานและวางดอกไม้ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ชาวโอกินาวากว่า 100,000 คนและทหารญี่ปุ่นกว่า 80,000 คนเสียชีวิตในการสู้รบนาน 82 วันเพื่อช่วงชิงเกาะที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์แห่งนี้
ทหารสหรัฐฯกว่า 12,000 คนก็เสียชีวิตในการสู้รบนี้ ซึ่งทหารหลายคนเคยกลัวว่ามันจะเป็นการชิมลางศึกที่พวกเขาจะต้องเข้าร่วมต่อไปเพื่อตีชิงแผ่นดินใหญ่ของแดนอาทิตย์อุทัย
การรุกรานดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทิ้งระเบิดปรมาณูในฮิโรชิมาและนางาซากิ ซึ่งเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องยอมจำนนในเดือนสิงหาคมปี 1945 เกาะโอกินาวะจึงเป็นเพียงส่วนเดียวในญี่ปุ่นที่มีการสู้รบเกิดขึ้น ประชาชนเกือบทั้งหมดบนเกาะแห่งนี้ต่างสูญเสียญาติอย่างน้อย 1 คน