xs
xsm
sm
md
lg

In Pics & Clips: อดีตผู้นำยูเครน “วิกเตอร์ ยานูโควิช” ให้สัมภาษณ์บีบีซี เผยซึ้งใจ “ปูติน” ช่วยชีวิต-ยันไม่ได้สั่งฆ่าผู้ชุมนุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน ให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกเป็นครั้งแรก โดยกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่ “ช่วยชีวิต” ไว้ หลังจากที่ตนถูกกลุ่มชาวยูเครนที่ฝักใฝ่ตะวันตกประท้วงขับไล่ และถูกรัฐสภาถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ เมื่อต้นปี 2014



ยานูโควิชซึ่งลี้ภัยอยู่ในรัสเซียได้ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ โดยระบุว่า ยังอยากจะกลับไปยูเครนในสักวันหนึ่ง พร้อมกล่าวโทษกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกยึดจัตุรัสเมดานในกรุงเคียฟจนเป็นเหตุให้ตนถูกขับออกจากอำนาจว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยูเครนต้องเผชิญวิกฤตการณ์อย่างทุกวันนี้

รัฐบาลยานูโควิชได้ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งยึดพื้นที่จัตุรัสใจกลางกรุงเคียฟอยู่นานหลายเดือน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ยานูโควิชถูกรัฐสภาลงมติปลดออก

ยานูโควิชหลบหนีไปพึ่งใบบุญรัสเซียเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี 2014 โดยได้รับการช่วยเหลือคุ้มกันจากทหารแดนหมีขาว

“การที่ วลาดิมีร์ ปูติน รับฟังคำแนะนำจากหน่วยรบพิเศษรัสเซีย และตัดสินใจทำเช่นนั้น มันคือสิทธิที่เขาสามารถทำได้” บทสัมภาษณ์อดีตผู้นำยูเครนซึ่งได้รับการเผยแพร่ผ่านรายการนิวส์ไนต์ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี เมื่อวานนี้ (22) ระบุ

“แน่นอน... ผมซาบซึ้งที่เขาออกคำสั่งเช่นนั้น และช่วยคุ้มกันผมออกมาอย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นการช่วยชีวิตผม”

ยานูโควิชชี้ว่า ศัตรูทางการเมืองของเขาจงใจปลุกระดมให้เกิด “รัฐประหาร” ขึ้น ซึ่งทำให้ยูเครนต้องแตกแยก และยังดึงทั่วโลกเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งครั้งนี้

ยานูโควิชยืนยันว่า ตนไม่เคยออกคำสั่งให้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม แต่ก็ยอมรับว่าตนควรจะทำอะไรมากกว่านั้น เพื่อห้ามปรามไม่ให้เกิดการนองเลือด

“ผมไม่ขอปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องนี้” เขากล่าว

“ผมไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเลย เพราะมันนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ของผม... ผมเองไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ใช้ปืน เพราะผมไม่อยากให้เกิดการนองเลือด... แต่หน่วยงานความมั่นคงก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เท่าที่กฎหมายอนุญาต พวกเขามีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธ”

หลังรัฐบาลยานูโควิชถูกโค่นไม่กี่สัปดาห์ ทหารรัสเซียก็ฉวยโอกาสยึดฐานทัพบนคาบสมุทรไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองภายใต้อาณัติของกรุงเคียฟ ต่อมาในเดือนเมษายน กลุ่มกบฏโปรรัสเซียก็ได้บุกยึดที่ทำการของรัฐในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของประเทศ จนนำมาสู่สงครามกลางเมือง

การสู้รบระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนกับกองกำลังรัฐบาลเคียฟซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2014 คร่าชีวิตประชาชนไปเกือบ 6,500 คน และทำให้พลเมืองยูเครนอีกนับล้านต้องพลัดถิ่นที่อยู่

ยานูโควิชยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ฝันร้าย” ที่กลับกลายเป็นความจริง และการที่ไครเมียถูกผนวกเข้ากับแดนหมีขาวก็ถือเป็น “โศกนาฏกรรม” ที่จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเขายังเป็นผู้นำประเทศ

“สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นมันเลวร้ายมาก และวันนี้เราต้องช่วยกันหาทางออก... เพราะเรากำลังเผชิญสงคราม”

“พวกเขาบอกให้ยึดไครเมียกลับคืน แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ ยังอยากจะให้มีสงครามเกิดขึ้นอีกหรือ”

ยานูโควิช ปฏิเสธข้อหายักยอกทรัพย์สินของรัฐ และยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไปซุกซ่อนในบัญชีธนาคารต่างประเทศตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกันนั้นก็พูดปกป้องคฤหาสน์หรูซึ่งถูกยึดเป็นของรัฐหลังจากที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศ โดยอ้างว่า บรรดานกกระจอกเทศในสวนสัตว์ของบ้าน “เดินเข้ามาอาศัยอยู่เอง”
ภาพเหตุการณ์ประท้วงที่จตุรัสเมดาน ใจกลางกรุงเคียฟ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014
คฤหาสน์ของอดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช
อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

กำลังโหลดความคิดเห็น