(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
China tops list of foreigners buying US real estate
By Asia Unhedged
18/06/2015
ตามตัวเลขของสมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในรอบปีการเงินล่าสุด (1เม.ย.2014 – 31 มี.ค.2015) จีนแซงหน้าแคนาดากลายเป็นต่างชาติซึ่งเข้าซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในอเมริกาสูงที่สุด ทั้งเมื่อคิดจากจำนวนหน่วยที่ซื้อ และเมื่อคำนวณจากยอดเงินดอลลาร์ที่จ่ายไป
แซงหน้าแคนาดาไปเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้ จีนติดอันดับบนสุดของบัญชีรายชื่อชาวต่างประเทศที่กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ทั้งเมื่อคิดจากจำนวนหน่วยที่ซื้อและทั้งเมื่อคำนวณจากยอดเงินดอลลาร์ที่จ่าย สมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (National Association of Realtors ใช้อักษรย่อว่า NAR) ของสหรัฐฯ ซึ่งคอยติดตามการซื้อขายทรัพย์สินบ้านและที่ดินทั่วประเทศอเมริกา แถลงตัวเลขล่าสุดที่รวบรวมขึ้นมา
ในรอบปีการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2015 จากยอดขายให้แก่ผู้ซื้อนานาชาติซึ่งอยู่ที่ 104,000 ล้านดอลลาร์ ปรากฏว่าผู้ซื้อที่เป็นชาวจีน (หมายถึงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน, ไต้หวัน, และฮ่องกง) ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯไปทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 28,600 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ารอบปีการเงินก่อนหน้านั้นถึงกว่า 30%
ขณะที่ผู้ซื้อชาวจีนเป็นผู้ควักกระเป๋าจ่ายในสัดส่วน 28% ของยอดขายให้แก่ผู้ซื้อนานาชาติทั้งหมด แต่เมื่อดูจากจำนวนธุรกรรมแล้ว พวกเขามีสัดส่วนเพียงแค่ 16% กระนั้น พวกเขาก็แซงหน้าชาวแคนาดาซึ่งควักเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอเมริการวมเป็นมูลค่า 11,200 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดจำนวนธุรกรรม ทำให้แคนาดาอยู่ในอันดับ 2 ในทั้ง 2 เกณฑ์การคำนวณนี้
ประเทศที่ติดอันดับท็อป 5 ชาวต่างชาติซึ่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯสูงสุด ได้แก่ แคนาดา, จีน, เม็กซิโก, อินเดีย, และสหราชอาณาจักร (ไม่ได้เรียงตามอันดับ) ถึงแม้ผู้ซื้อชาวจีนได้ซื้อหาทรัพย์สินบ้านและที่ดินอเมริกัน แซงหน้าผู้ซื้อชาวแคนาดาเมื่อคิดโดยใช้เกณฑ์ยอดเงินที่ซื้อ ไปตั้งแต่ปีการเงินที่แล้ว แต่พวกเขาเพิ่งแซงชาวแดนใบเมเปิลในแง่ของจำนวนธุรกรรมในปีการเงินล่าสุดที่ NAR ออกรายงานมานี้เอง
ราคาซื้อที่ผู้ซื้อนานาชาติจ่ายซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 499,600 ดอลลาร์ แต่ราคาซื้อเฉลี่ยของชาวจีนอยู่ที่ 831,800 ดอลลาร์ ตัวเลขนี้คิดเป็นกว่า 3 เท่าตัวของราคาทำธุรกรรมเฉลี่ยของทั่วประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับ 255,600 ดอลลาร์
ผู้ซื้อจากจีนและอินเดีย มีความโน้มเอียงที่จะซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในมลรัฐซึ่งราคาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง โดยจุดที่พวกเขานิยมกันมากคือ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งพวกเขาไปซื้อหาไว้คิดเป็น 35% ของการซื้อของทั้ง 2 ประเทศนี้ทั้งหมด จุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมรองๆ ลงมายังมี วอชิงตัน, นิวยอร์ก, แมสซาชูเซตส์, อิลลินอยส์, และ เทกซัส ประมาณ 39% ของการซื้อหา ถูกระบุว่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการอยู่อาศัย และมีอีก 7% เพื่อเป็นที่พักอาศัยของนักเรียนนักศึกษาซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ สำหรับชาวแคนาดามีความโน้มเอียงที่จะซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในมลรัฐฟลอริดา และ แอริโซนา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์จะต่ำลงมา
ผู้ซื้อที่เป็นชาวจีนถึงราว 69% ได้รับการบันทึกว่าชำระราคาเป็นเงินสดทั้งก้อน ขณะที่ในผู้ซื้อนานาชาติทั้งหมดนั้นที่จ่ายเงินสดทั้งก้อนมีอยู่ 55% และหากเป็นผู้ซื้อชาวอเมริกันแล้วจะจ่ายเงินสดกันเพียง 25%
“จากการที่เศรษฐกิจของจีนและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนต่างกำลังชะลอตัวลงอย่างฮวบฮาบ รวมทั้งการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นอันอึกทึกครึกโครมก็กำลังโหมกระพือเต็มที่ในบ้านเกิด ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงมีพวกผู้ซื้อชาวจีนดิ้นรนตะเกียกตะกายไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนเอาไว้” หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ () ระบุเอาไว้เช่นนี้ และกล่าวต่อไปว่า ตามเมืองใหญ่ๆ ทางโลกตะวันตกที่พูดภาษาอังกฤษ และมีระบบการศึกษาชั้นดี อีกทั้งมีคุณภาพชีวิตชั้นเลิศ, มีหลักนิติธรรมอันเข้มแข็ง, ตลอดจนมีระบบกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง ผู้ซื้อชาวจีนได้กลายเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดของเมืองเหล่านี้ไปแล้วเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เมืองนิวยอร์ก, ลอนดอน, ซิดนีย์, แวนคูเวอร์, โทรอนโต, และโอ๊คแลนด์
ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุด้วยว่า ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างพากันพูดว่า เงินที่ใช้ซื้ออสังริมทรัพย์ในต่างแดนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งไปมากมายทีเดียว เป็นเงินซึ่งถูกโยกย้ายถ่ายโอนออกมาจากจีนอย่างผิดกฎหมาย
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
China tops list of foreigners buying US real estate
By Asia Unhedged
18/06/2015
ตามตัวเลขของสมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในรอบปีการเงินล่าสุด (1เม.ย.2014 – 31 มี.ค.2015) จีนแซงหน้าแคนาดากลายเป็นต่างชาติซึ่งเข้าซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในอเมริกาสูงที่สุด ทั้งเมื่อคิดจากจำนวนหน่วยที่ซื้อ และเมื่อคำนวณจากยอดเงินดอลลาร์ที่จ่ายไป
แซงหน้าแคนาดาไปเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้ จีนติดอันดับบนสุดของบัญชีรายชื่อชาวต่างประเทศที่กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ทั้งเมื่อคิดจากจำนวนหน่วยที่ซื้อและทั้งเมื่อคำนวณจากยอดเงินดอลลาร์ที่จ่าย สมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (National Association of Realtors ใช้อักษรย่อว่า NAR) ของสหรัฐฯ ซึ่งคอยติดตามการซื้อขายทรัพย์สินบ้านและที่ดินทั่วประเทศอเมริกา แถลงตัวเลขล่าสุดที่รวบรวมขึ้นมา
ในรอบปีการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2015 จากยอดขายให้แก่ผู้ซื้อนานาชาติซึ่งอยู่ที่ 104,000 ล้านดอลลาร์ ปรากฏว่าผู้ซื้อที่เป็นชาวจีน (หมายถึงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน, ไต้หวัน, และฮ่องกง) ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯไปทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 28,600 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ารอบปีการเงินก่อนหน้านั้นถึงกว่า 30%
ขณะที่ผู้ซื้อชาวจีนเป็นผู้ควักกระเป๋าจ่ายในสัดส่วน 28% ของยอดขายให้แก่ผู้ซื้อนานาชาติทั้งหมด แต่เมื่อดูจากจำนวนธุรกรรมแล้ว พวกเขามีสัดส่วนเพียงแค่ 16% กระนั้น พวกเขาก็แซงหน้าชาวแคนาดาซึ่งควักเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอเมริการวมเป็นมูลค่า 11,200 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดจำนวนธุรกรรม ทำให้แคนาดาอยู่ในอันดับ 2 ในทั้ง 2 เกณฑ์การคำนวณนี้
ประเทศที่ติดอันดับท็อป 5 ชาวต่างชาติซึ่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯสูงสุด ได้แก่ แคนาดา, จีน, เม็กซิโก, อินเดีย, และสหราชอาณาจักร (ไม่ได้เรียงตามอันดับ) ถึงแม้ผู้ซื้อชาวจีนได้ซื้อหาทรัพย์สินบ้านและที่ดินอเมริกัน แซงหน้าผู้ซื้อชาวแคนาดาเมื่อคิดโดยใช้เกณฑ์ยอดเงินที่ซื้อ ไปตั้งแต่ปีการเงินที่แล้ว แต่พวกเขาเพิ่งแซงชาวแดนใบเมเปิลในแง่ของจำนวนธุรกรรมในปีการเงินล่าสุดที่ NAR ออกรายงานมานี้เอง
ราคาซื้อที่ผู้ซื้อนานาชาติจ่ายซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 499,600 ดอลลาร์ แต่ราคาซื้อเฉลี่ยของชาวจีนอยู่ที่ 831,800 ดอลลาร์ ตัวเลขนี้คิดเป็นกว่า 3 เท่าตัวของราคาทำธุรกรรมเฉลี่ยของทั่วประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับ 255,600 ดอลลาร์
ผู้ซื้อจากจีนและอินเดีย มีความโน้มเอียงที่จะซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในมลรัฐซึ่งราคาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง โดยจุดที่พวกเขานิยมกันมากคือ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งพวกเขาไปซื้อหาไว้คิดเป็น 35% ของการซื้อของทั้ง 2 ประเทศนี้ทั้งหมด จุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมรองๆ ลงมายังมี วอชิงตัน, นิวยอร์ก, แมสซาชูเซตส์, อิลลินอยส์, และ เทกซัส ประมาณ 39% ของการซื้อหา ถูกระบุว่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการอยู่อาศัย และมีอีก 7% เพื่อเป็นที่พักอาศัยของนักเรียนนักศึกษาซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ สำหรับชาวแคนาดามีความโน้มเอียงที่จะซื้อทรัพย์สินบ้านและที่ดินในมลรัฐฟลอริดา และ แอริโซนา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์จะต่ำลงมา
ผู้ซื้อที่เป็นชาวจีนถึงราว 69% ได้รับการบันทึกว่าชำระราคาเป็นเงินสดทั้งก้อน ขณะที่ในผู้ซื้อนานาชาติทั้งหมดนั้นที่จ่ายเงินสดทั้งก้อนมีอยู่ 55% และหากเป็นผู้ซื้อชาวอเมริกันแล้วจะจ่ายเงินสดกันเพียง 25%
“จากการที่เศรษฐกิจของจีนและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนต่างกำลังชะลอตัวลงอย่างฮวบฮาบ รวมทั้งการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นอันอึกทึกครึกโครมก็กำลังโหมกระพือเต็มที่ในบ้านเกิด ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงมีพวกผู้ซื้อชาวจีนดิ้นรนตะเกียกตะกายไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนเอาไว้” หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ () ระบุเอาไว้เช่นนี้ และกล่าวต่อไปว่า ตามเมืองใหญ่ๆ ทางโลกตะวันตกที่พูดภาษาอังกฤษ และมีระบบการศึกษาชั้นดี อีกทั้งมีคุณภาพชีวิตชั้นเลิศ, มีหลักนิติธรรมอันเข้มแข็ง, ตลอดจนมีระบบกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง ผู้ซื้อชาวจีนได้กลายเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดของเมืองเหล่านี้ไปแล้วเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เมืองนิวยอร์ก, ลอนดอน, ซิดนีย์, แวนคูเวอร์, โทรอนโต, และโอ๊คแลนด์
ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุด้วยว่า ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างพากันพูดว่า เงินที่ใช้ซื้ออสังริมทรัพย์ในต่างแดนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งไปมากมายทีเดียว เป็นเงินซึ่งถูกโยกย้ายถ่ายโอนออกมาจากจีนอย่างผิดกฎหมาย
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)