ออสเตรเลียจัดหารือรับมือ “การใช้สื่อสังคมออนไลน์” ของพวกนักรบญิฮาด

เอเอฟพี - กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) มี “ความมักใหญ่ใฝ่สูงระดับโลก” และจำเป็นต้องมีการดำเนินการเพื่อรับมือการการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อหาสมาชิกของกลุ่มนี้มากกว่านี้ นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย บอกกับผู้แทนของรัฐบาลต่างๆ และบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในวันนี้ (11)

แอ็บบอตต์บอกกับที่ประชุมว่าด้วยลัทธิหัวรุนแรงในภูมิภาคว่า มันเป็นเรื่อสำคัญมากที่จะต้องหาวิธีสกัดกั้นแนวคิดของพวกหันรุนแรงที่กำลังชักจูงนักรบชาวต่างชาติหลายพันคนไปยังอิรัก และซีเรีย

“คุณไม่สามารถเจรจากับองค์กรเช่นนี้ได้ คุณทำได้แค่สู้กับมัน” เขาพูดถึงกลุ่มไอเอส ต่อหน้าผู้ฟังซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก 30 ประเทศ และจากบริษัท เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และกูเกิล

“นี่ไม่ใช่การก่อการร้ายเพื่อแสดงความคับข้องใจในท้องถิ่น แต่นี่เป็นการก่อการร้ายด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงระดับโลก” แอ็บบอตต์กล่าว

“การต่อต้านการก่อการร้ายที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงคือการโน้มน้าวประชาชนให้เชื่อว่ามันไม่มีประโยชน์อันใดเลย”

“เราต้องการคนหนุ่มสาวที่มีอุดมการณ์ที่จะตระหนักได้ว่าการเข้าร่วมกับลัทธิความตายนี้ (ไอเอส) เป็นหนทางที่นำไปสู่ทางที่ผิด ส่วนเรื่องที่ว่าจะทำได้อย่างไรนั้น แน่นอน นั่นเป็นงานของการประชุมครั้งนี้”

การประชุมเป็นเวลา 2 วันครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้เห็นชอบจัดส่งครูฝึกทหารอีก 450 คนไปยังอิรัก สมทบกับทหาร 3,100 คนที่ปฏิบัติภารกิจฝึกฝนในประเทศนี้อยู่แล้ว ซึ่งนับเป็นความพยายามอย่างรอบคอบของโอบามาที่จะยึดคืนดินแดนจากไอเอส

ทหารชุดใหม่นี้จะมีหน้าที่ฝึกฝนและแนะนำกองกำลังอิรักเพื่อชิงคืนเมืองรามาดี หลังจากที่กลุ่มไอเอส ซึ่งครอบครองพื้นที่มากมายอยู่แล้วในอิรักและซีเรีย ได้เข้ายึดเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวสุหนี่ใกล้กรุงแบกแดดแห่งนี้ในเดือนพฤษภาคม

การประชุมที่นครซิดนีย์ครั้งนี้มีขึ้นภายหลังการประชุมในลักษณะเดียวกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งโอบามาได้กล่าวว่าประเทศต่างๆ ต้องจัดการกับตัวการที่ดำเนินการจัดหาสมาชิกให้กลุ่มพวกนี้

แต่การประชุมนาน 3 วันดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดแผนมาตรการที่จะมีการนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรมเลย

หัวข้อที่จะมีการหารือกันในออสเตรเลียประกอบด้วย การทำงานร่วมกับกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์, กลุ่มธุรกิจ และกลุ่มประชาสังคม, การต่อสู้กับการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้าย และการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและครอบครัวในมาตรการใดๆ ก็ตาม