เอพี/เอเจนซีส์ – ซาอุดีอาระเบียแถลงว่า สามารถใช้ขีปนาวุธ “แพทริออต” ยิงสกัดจรวด “สกั๊ด” ที่พวกกบฏชีอะห์และพันธมิตรในเยเมน พยายามยิงใส่เมืองแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ เหตุการณ์คราวนี้เกิดขึ้นในตอนก่อนรุ่งสางวันเสาร์ (6 มิ.ย.) และเป็นหลักหมายแสดงถึงการบานปลายออกไปครั้งสำคัญของสงครามเยเมนซึ่งยืดเยื้อมานานหลายเดือนแล้วคราวนี้
สำนักข่าวซาอุดี เพรสส์ เอเจนซี (เอสพีเอ) ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกซึ่งยิงขึ้นไปโดยหน่วยขีปนาวุธ “แพทริออต” สามารถสอยจรวดสกั๊ดที่ถูกยิงเข้ามาเมื่อเวลาประมาณ 02.45 น. ของวันเสาร์ (ตรงกับ 06.45 น. ตามเวลาเมืองไทย) ที่บริเวณรอบๆ เมืองคอมิส มูชาอิต (Khamis Mushait) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบีย
เอสพีเอไม่ได้รายงานว่าเกิดการบาดเจ็บล้มตายใดๆ จากการโจมตีคราวนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พวกกบฏในเยเมนนำเอา ขีปนาวุธสกั๊ด ที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคสงครามเย็นมาใช้งาน หลังจากที่พันธมิตรอาหรับฝ่ายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เริ่มเปิดฉากโจมตีทิ้งระเบิดใส่ที่มั่นต่างๆ ของฝ่ายกบฏในเยเมนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เมืองคอมิส มูชาอิต เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศกษัตริย์คอลิด (King Khalid Air Base) อันเป็นฐานทัพอากาศใหญ่ที่สุดในอาณาบริเวณนี้ของซาอุดีอาระเบีย ชาวซาอุดีหลายคนรายงานไว้ในสื่อสังคมว่าได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้นรอบๆ เมืองนี้ในระหว่างที่เกิดเหตุโจมตี
สำนักข่าวเอสพีเอประณามว่า กลุ่มกบฎชาวชีอะห์ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านและรู้จักกันในนามกลุ่ม “ฮูตี” ตลอดจนพวกพันธมิตรของฮูตีในกองทหารส่วนซึ่งยังคงจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ของเยเมน เป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ ขณะที่สำนักข่าวซาบา (SABA) ของทางการเยเมนที่ปัจจุบันตกอยู่ในความควบคุมของฝ่ายฮูตี ก็รายงานตรงกันว่า ฝ่ายกบฏและพันธมิตรเป็นผู้ยิงขีปนาวุธสกั๊ดคราวนี้
ซาอุดีอาระเบียได้นำพันธมิตรของตน เข้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ของฝ่ายกบฎเยเมนด้วยการโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เพื่อเป็นการสนับสนุนประธานาธิบดีอับเอด รับโบ มันซูร์ ฮาดี ที่เวลานี้ลี้ภัยอยู่นอกประเทศ การโจมตีเหล่านี้มุ่งทำลายคลังอาวุธและที่ตั้งฐานจรวดสกั๊ดตามที่ต่างๆ ทั่วเยเมน
เอสพีเอรายงานว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการใช้จรวด “แพทริออต” สกัดกั้นขีปนาวุธ “สกั๊ด” แล้ว กลุ่มพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียยังได้ตอบโต้ด้วยการเข้าโจมตีและทำลายฐานยิง “สกั๊ด” ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซาดา อันเป็นที่มั่นซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของฝ่ายฮูตี
ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงชาวเยเมนเปิดเผยว่า เครื่องบินของพันธมิตรได้เข้าโจมตีทางอากาศอย่างน้อยที่สุด 6 ระลอกเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ โดยเล่นงานขบวนรถลำเลียงของฝ่ายฮูตีที่ตอนนั้นกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองซาดา นอกจากนั้นการโจมตีทางอากาศคราวนี้ยังถล่มขบวนรถลำเลียงที่อยู่ในจังหวัดอันรัม ซึ่งฝ่ายฮูตีและเจ้าหน้าที่ชนเผ่ายืนยันว่ากำลังขนส่งปศุสัตว์อยู่
ฝ่ายกบฏฮูตีเริ่มการรุกคืบหน้าของตนในเดือนกันยายนปีที่แล้ว จนกระทั่งสามารถบุกเข้าเมืองหลวงซานา และยึดกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ตลอดจนพื้นที่อื่นๆ พวกเขากักตัวประธานาธิบดีฮาดีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอื่นๆ ให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก จวบจนกระทั่งฮาดีหลบหนีออกมาได้สำเร็จ โดยที่ในตอนแรกเขาไปที่เมืองเอเดน เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ จากนั้นจึงเดินทางต่อไปลี้ภัยในซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ฝ่ายกบฏก็ไล่ติดตามและยึดครองพื้นที่ได้จำนวนมาก ด้วยการสนับสนุนของหน่วยทหารต่างๆ ซึ่งยังภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีซาเลห์
การรณรงค์โจมตีทางอากาศที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย และการสู้รบภาคพื้นดินซึ่งปะทุขึ้นมา ได้สังหารพลเรือนไปมากกว่า 1,000 คน และอีกกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีสงครามกลายเป็นคนพลัดถิ่น สเตฟาเน ดูจาร์ริค โฆษกผู้หนึ่งของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เพิ่งแถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (3) ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้การโจมตีของกลุ่มพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบีย ยังคงล้มเหลวไม่สามารถผลักดันขับไสให้ฝ่ายฮูตีถอนตัวออกจากดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองอยู่ หรือเบี่ยงเบนการรุกคืบส่งสู่ภาคใต้เยเมนของกองกำลังเหล่านี้
อับดุลคอเลก อับดุลเลาะห์ อาจารย์รัฐศาสตร์ผู้หนึ่งของมหาวิทยาลัยสหรัฐอาหรับเอมิเครต์ ให้ความเห็นว่า การยิงจรวดสกั๊ดเข้าใส่ดินแดนซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่พวกฮูตีและพันธมิตรใช้เพื่อส่งสัญญาณว่าพวกเขายังคงมีความสามารถในการสู้รบถึงแม้ถูกถล่มทางอากาศมาเป็นเดือนแล้ว ทั้งนี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็น 1 ในพันธมิตรที่ปฏิบัติการถล่มทางอากาศต่อฝ่ายกบฏในเยเมน
“แน่นอนทีเดียว มันเป็นการบานปลายออกไป” อับดุลเลาะห์กล่าว “ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่า มันไม่ได้มีการน็อกเอาต์ แสนยานุภาพของพวกฮูตีไม่ได้ถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเราจำเป็นต้องยอมรับเรื่องนี้”
สำนักข่าวเอสพีเอของซาอุดีอาระเบียรายงานด้วยว่า เมื่อวันศุกร์ (5) พวกฮูตีและกองกำลังของซาเลห์ ได้เปิดการการรุกภาคพื้นดินซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่พื้นที่ชายแดนติดต่อกับซาอุดีอาระเบีย ทำให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียยิงปืนใหญ่และส่งเฮลิคอปเตอร์โจมตีรุ่น “อาปาเช่” ออกไปปราบปราม
เอสพีเอระบุว่า พวกกบฏ “หลายสิบคน” ถูกสังหารในการสู้รบซึ่งกินเวลาตั้งแต่ตอนรุ่งสางไปจนถึงเที่ยงวันศุกร์ โดยที่ทหารซาอุดีเสียชีวิต 4 คน
ทั้งฝ่ายซาอุดีอาระเบียและมหาอำนาจตะวันตกต่างกล่าวหาว่า พวกฮูตีได้รับความสนับสนุนทางทหารจากอิหร่าน ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจของฝ่ายชีอะห์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามตัวแทนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายสุหนี่ เตหะรานและพวกกบฏพากันปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ถึงแม้อิหร่านยอมรับว่าได้ส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมไปให้แก่ฝ่ายฮูตี