ASTVผู้จัดการออนไลน์ – เมื่อวานนี้(28) แอตแลนติก เคาน์ซิล (Atlantic Council) หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรร่วมกับ ฟรีรัสเซียฟาวเดชัน (the Free Russia Foundation) เปิดเผย Hiding in Plain Sight: Putin’s War in Ukraine หรือ ซ่อนซึ่งหน้า “สงครามที่ปูตินสร้างในยูเครน” รายงานการสอบสวนลับครั้งประวัติศาสตร์จำนวนเกือบ 40 หน้า ของผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียที่ถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ บอริส เนมต์ซอฟ (Boris Nemtsov) ซึ่งได้ตีแผ่การเกี่ยวพันของกองกำลังรัสเซียในวิกฤตยูเครน ที่ส่งผลทำให้มีตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 6,000 คน และมีผู้บาดเจ็บร่วมหลายหมื่นคน แต่ทว่าเครมลินปฎิเสธเสียงแข็งเรื่องมาว่า รัสเซียไม่เคยส่งกองกำลังเข้าไปยังยูเครนตะวันออก รวมไปปฎิเสธไม่เคยอยู่เบื้องหลังความขัดแย้งยูเครน
ซึ่งการสอบสวนอิสระของเนมซอฟภายใต้รายงานชิ้นพิเศษ Hiding in Plain Sight: Putin’s War in Ukraine หรือ ซ่อนซึ่งหน้า “สงครามที่ปูตินสร้างในยูเครน” นั้นถูกกำหนดให้เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(28) เป็นเวลาเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เซ็นคำสั่งทางบริหารกำหนดให้การเสียชีวิตของทหารรัสเซียที่ปฎิบัติการพิเศษในระหว่างที่ไร้สงครามถือเป็น “ความลับทางความมั่นคงของชาติ” ซึ่งอาจเป็นเงื่อนงำว่าคำสั่งด่วนของประธานาธิบดีหมีขาว อดีตKGB ผู้นี้มีขึ้นเพื่อต้องการไม่ให้รายงานพิเศษของเนมต์ซอฟสามารถสาวไปถึงหลักฐานเพื่อโยงมัดตัวเครมลินและปูตินที่กระทำต่อยูเครนได้ เป็นต้นว่า การเสียชีวิตเป็นจำนวนมากของทหารรัสเซียที่ถูกเก็บงำเป็นความลับมืดในแดนอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้
แอตแลนติก เคาน์ซิล (Atlantic Council) หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีจุดยืนในการแสวงหาเสรีภาพและความเท่าเทียม ได้เผยแพร่การสอบสวนอิสระของ บอริส เนมต์ซอฟ (Boris Nemtsov) วัย 55 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีรัสเซียในสมัยประธานาธิบดีบอริส เยลซิน และปัจจุบันหัวหน้าฝ่ายค้านรัสเซียก่อนโดนลอบสังหารอย่างเป็นปริศนาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในจุดไม่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำมอสกวา กรุงมอสโก ที่ผู้คนทั่วโลกต่างสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของผู้นำรัสเซียที่เคยเป็นสายลับKGBเก่า สั่งเก็บเพื่อไม่ต้องการให้เผยแพร่ข้อมูลที่อาจจะกระทบต่อตัวผู้นำที่ทรงอิทธิพลคนนี้
ฟรีรัสเซียฟาวเดชัน (the Free Russia Foundation) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างเสรีภาพ ความเท่าทียม ประชาธิปไตย และปกป้องสิทธิมนุษยชนรัสเซียได้กล่าวถึงรายงานชิ้นพิเศษ Hiding in Plain Sight: Putin’s War in Ukraine หรือ ซ่อนซึ่งหน้า “สงครามที่ปูตินสร้างในยูเครน” ว่า เนมต์ซอฟเป็นผู้วิจัยหลักของรายงานเชิงวิเคราะห์สงครามของปูตินชิ้นนี้ ซึ่งเป็นการรายงานที่รวบรวมมาจาก “ข้อเท็จจริง” จากเรื่องต่างๆที่เครมลินปฎิเสธมาโดยตลอด และเป็นสิ่งที่ชาวรัสเซียได้แต่เก็บงำความสงสัยนี้ไว้ท่ามกลางความกลัวต่อภัยที่มองไม่เห็น
เนมต์ซอฟได้ระบุว่า สงครามที่ปูตินสร้างในยูเครนนั้นทำให้ทหารรัสเซียจำนวนมากหลายร้อยคนต้องจบชีวิต ซึ่งสื่อสหรัฐฯ CNN รายงานวันนี้(29)ว่า แต่กลับกลายที่การเสียชีวิตของทหารเหล่านี้กลับต้องถูกซ่อนเร้นปิดตายภายใต้ “คำสั่งตามอำนาจประธานาธิบดี” ของ วลาดิมีร์ ปูติน ที่ออกในวันพฤหัสบดี(28) โดยไม่อนุญาตให้เปิดเผยการเสียชีวิตของทหารรัสเซียในการปฎิบัติภารกิจพิเศษช่วงไร้สงคราม รวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลการสูญเสียกำลังพลของทหารรัสเซียในช่วงสงคราม โดยถือว่าข้อมูลเหล่านี้ “เป็นความลับทางความมั่นคงของชาติ”
โดยรอยเตอร์ระบุว่า ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุว่า เหตุใดปูตินจึงเร่งออกคำสั่งทางบริหารครั้งนี้ แต่อาจเป็นที่เข้าใจได้ว่า สิ่งที่ปูตินกลัวนั้นอาจถูกเปิดเผยจากรายงานของเนมต์ซอฟที่จัดทำขึ้นจากข้อมูลที่หัวหน้าฝ่ายค้านรัสเซียรวบรวมโดยการเดินทางไปเยี่ยมญาติทหารรัสเซียที่เสียชีวิตในการปฎิบัติภารกิจพิเศษในต่างแดน ที่เข้าใจว่าเป็นยูเครนตะวันออกแต่กลับต้องจบชีวิตลง และพิธีศพของนายทหารเหล่านั้นกลับถูกปกปิดเป็นความลับ
ซึ่งจากการเปิดเผยของเดลีเมล สื่ออังกฤษในวันที่ 6 มีนาคมล่าสุด ชี้ว่า ก่อนที่ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียจะถูกกระสุนปริศนายิงเข้าที่กลางหลังนั้น เขาอยู่ในระหว่างการสอบสวนถึงข่าวลือที่อ้างว่า ทหารรัสเซียจำนวนมากได้เสียชีวิตในต่างแดน และตัวของเนมต์ซอฟเองได้เดินทางไปเยือนญาติทหารรัสเซียเหล่านั้นที่เสียชีวิต โดยสื่ออังกฤษระบุว่า เนมต์ซอฟได้มอบสมุดจดข้อมูลสำคัญด้วยลายมือของตนเองให้กับ โอลกา โชรินา (Olga Shorina) ผู้ช่วยของตัวเอง 1 วันก่อนที่จะถูกลอบสังหาร ซึ่งรอยเตอร์ได้ยืนยันเห็นเอกสารลายมือเหล่านี้ในขณะนั้น และระบุว่าเนมต์ซอฟได้ใช้วิธีเขียนลงบนกระดาษเป็นการสื่อสารแทนการสนทนาทางคำพูดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลอบดักฟังจากเครมลินและคนของปูติน
โดยรอยเตอร์ได้รายงานในรายงานเชิงวิเคราะห์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2015 ว่า โชรินาเปิดเผยว่า เนมต์ซอฟได้ติดต่อกับญาติของบรรดาทหารรัสเซียที่ต้องปฎิบัติหน้าที่ในยูเครนตะวันออก ซึ่งอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียผู้นี้พยายามหว่าล้อมให้คนเหล่านั้นเปิดเผยเรื่องราวออกสู่สาธารณะ โดยกลุ่มทหารเหล่านั้นมีฐานอยู่ที่เมืองอีวานโนโว ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือร่วม 300กม . ซึ่งรายงานจากการจดบันทึกของเนมต์ซอฟ พบว่าเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองกำลังหน่วยพลร่มที่ 98
“เขายังคงติดต่อกับคนพวกนั้นอย่างสม่ำเสมอ แต่การที่เนมต์ซอฟยังคงสามารถติดต่อกับคนพวกนั้นได้โดยวิธีใด ดิฉันไม่ทราบได้เพราะเขาไม่เคยขอให้ดิฉันติดต่อกับใคร” โชรินาเผย
นอกจากนี้ฟรีรัสเซียฟาวเดชันยังระบุเพิ่มเติมว่า ในรายงานฉบับสมบูรณ์ร่วม 34 หน้าของเนมซอฟที่ทางทีมของเขาสานต่อจนทำให้เสร็จเป็นรูปเป็นร่างและได้รับการเปิดเผยผ่านแอตแลนติก ฟาวเดชัน นั้นเปิดเผยในรายละเอียดความเกี่ยวพันของ (1) บทบาทของรัสเซียในวิกฤตยูเครน (2) ข้อมูลสาธารณะที่อ้างอิงในรายงานของเนมต์ซอฟได้ถูกใช้เพื่อเป็นการยืนยันถึงการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารรัสเซียจากค่ายฝึกรอบพรมแดนยูเครนเพื่อเข้าไปปฎิบัติการลึกในยูเครน (3) ในรายงานยังยืนยันว่า เหตุโจมตีจำนวนมากที่เกิดขึ้นในยูเครนนั้นมาเกิดมาจากรัสเซีย และ (4)ในรายงานชิ้นนี้ยังตรวจสอบถึง “อาวุธยุทโธปกรณ์สัญชาติรัสเซียจำนวนมาก” ที่ตกอยู่ในมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก
ซึ่งทางแอตแลนติก เคาน์ซิล ที่เป็นต้นตอเผยแพร่เอกสารรายงานลับชุดนี้ของเนมต์ซอฟได้ระบุว่า มีการพบ 5 จุดใหญ่ๆด้วยกัน กล่าวคือ
(1)ภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันการเคลื่อนไหวของกองกำลังรัสเซีย และรวมไปถึงค่ายฝึกที่สร้างขึ้นรอบแนวพรมแดนยูเครน
(2)พบว่าที่ค่ายฝึกทหารรัสเซียตรงพรมแดนยูเครนเป็นฐานปฎิบัติการสำหรับสร้างสงครามในยูเครน ซึ่งเป็นฐานที่ถูกใช้เพื่อเก็บบรรดายุทโธปกรณ์ทางทหารเคลื่อนทางบกล้ำเข้าไปยังฝั่งยูเครน และกองกำลังทางภาคพื้นของรัสเซียนี้จะไปรวมตัวกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนในยูเครนตะวันออกหลังจากนั้น
(3)ผู้บัญชาการรบรัสเซียออกคำสั่งให้ทหารของหน่วยทำการถอดป้ายชื่อและสัญลักษณ์ที่จะสามารถระบุตัวตนออกทั้งหมดจากเครื่องแบบที่สวมใส่ในการที่จะเคลื่อนกำลังพลไปสมทบกับกบฎยูเครนในยูเครนตะวันออก
(4)พบว่ามีอาวุธยุทโธปกรณ์สัญชาติรัสเซียที่ไม่ได้ถูกใช้ในกองทัพยูเครน แต่กลับพบว่าตกอยู่ในมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน รวมไปถึงเครื่องยิงจรวดมิสไซล์แบบจากภาคพื้นสู่อากาศ MANPADS และประเภทต่างๆของเครื่องยิงขีปนาวุธ มิสไซด์นำวิถีต่อต้านรถถัง ยังรวมไปถึงทุ่นระเบิดสังหาร และอาวุธเบาประเภทต่างๆอีกหลากหลายชนิด
(5)และในรายงานชิ้นนี้ยังระบุว่า ในระหว่างการปะทะ กองกำลังรัสเซียในยูเครนได้รับการสนับสนุนคุ้มกันมาจากฝั่งรัสเซีย ซึ่งข้อมูลดาวเทียมที่รวบรวมได้ รวมถึงการวิเคราะห์ และแหล่งข้อมูลยืนยันที่เปิดเผย ได้ยืนยันว่า การโจมตีส่วนมากออกมาจากฝั่งรัสเซีย
และแอตแลนติก เคาน์ซิลยังเปิดเผยว่า ในคำนำหน้า 1 ของรายงานเนมซอฟจากจำนวนทั้งหมด 34 หน้านั้น ในย่อหน้าที่ 4 ระบุยืนยันอย่างหนักแน่นถึงต้นตอสงครามยูเครนว่า “รัสเซียได้ใช้วิธีสร้างข่าว โดยระบุว่าวิกฤตในยูเครนแท้จริงแล้วคือ “สงครามกลางเมือง” เท่านั้น แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว สงครามในยูเครนตะวันออกล้วนเป็นสิ่งที่ “เครมลินสร้างขึ้น” ทั้งสิ้น พร้อมกับขับเคลื่อนโดยยุทโธปกรณ์สัญชาติรัสเซีย สู้รบโดยกองกำลังทหารรัสเซีย และได้รับการสนับสนุนจากปูติน” โดยทางแอตแลนติก เคาน์ซิลกล่าวว่า ทางหน่วยงานได้ใช้ข้อมูลสาธารณะที่เปิดเผยเป็นตัวอ้างอิงและรวมไปถึงการวิเคราะห์อย่างเจาะลึก
ส่วนในหน้า 15 ของรายงานชิ้นนี้ของเนมต์ซอฟภายใต้หัวข้อ “กองกำลังรัสเซียในยูเครน” แอตแลนติ เคาน์ซิลชี้ว่า นักข่าวตะวันตกและนักข่าวรัสเซียต่างพบว่า มีทหารรัสเซียจำนวนมากที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสในยูเครน ซึ่งในรายงานเหล่านั้น ไม่เฉพาะเพียงแต่พยานบุคคลในเหตุการณ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาพถ่ายของกองกำลังรัสเซียในยูเครน และยังมียังการให้สัมภาษณ์ของบิดามารดาของเหล่าทหารรัสเซียที่เสียชีวิตร่วมกับกลุ่มกองกำลังแบ่งแยกดินแดนยูเครนในยูเครนตะวันออก
และนอกจากนี้ยังพบว่า มีทหารรัสเซียจำนวนมากได้ตัดสินใจลาออกจากกองทัพเพราะเกรงว่า อาจต้องถูกส่งไปยังยูเครนภายใต้แรงกดดันของผู้บังคับบัญชา ซึ่งแอตแลนติก เคาน์ซิล ได้อ้างอิงคำกล่าวของ อเล็กซานเดอร์ เวอร์ชโบว์ (Alexander Vershbow) เลขาธิการใหญ่กองกำลังนาโตที่ได้กล่าวไว้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2015 ว่า “ทหารรัสเซียกำลังสู้รบ และได้ล้มตายเป็นจำนวนมากในยูเครน” และองค์การไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อสนับสนุนเสรีภาพแห่งนี้ยังกล่าวต่อว่า ถึงแม้จะมีการปกปิดความจริงอย่างมโหฬารของเครมลิน แต่ทว่าไม่อาจซ่อนเร้นคาราวานโลงศพทหารรัสเซียที่ข้ามแดนจากยูเครนกลับเข้าประเทศเป็นจำนวนมากได้ ท่ามกลางการรายงานข่าวยืนยันจากนักข่าวชาติตะวันตกและนักข่าวรัสเซียอิสระ เช่น มีการยืนยันการสูญเสียนายทหารรัสเซียถึง 11 นายในช่วงระหว่างวันที่ 9 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2014 โดยทหารเหล่านี้มาจากหน่วยที่ 18 ของ Motorized Infantry Brigade ยูนิต 27777 และรวมไปถึงการเสียชีวิตของทหารรัสเซียจำนวน 2 นายในฝั่งยูเครน และอีก 9 นายในฝั่งรัสเซียในระหว่างปฎิบัติการ เป็นต้น
และนอกจากนี้ในหน้า 16 ของรายงานเนมต์ซอฟ ภายใต้หัวข้อ CARGO 200: HIDING RUSSIA’S DEAD แอตแลนติก เคาน์ซิล รายงานถึงนายทหารรัสเซีย ทูมานอฟ (Tumanov) ที่ถูกสังหารหลังจากข้ามแดนเข้าไปสู้รบในยูเครน แต่ต้องเดินทางกลับบ้านในรัสเซียในสภาพนอนอยู่ภายในโลงโลหะแทนภายใต้รหัสที่เรียกขานว่า “ Cargo 200” ระบุเป็นการเสียชีวิตในระหว่างการสู้รบ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า รัฐบาลปูตินปฎิเสธที่จะรับรู้อย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของทหารภายใต้รหัส Cargo 200 แต่กลับกลายเป็นว่าทางเครมลินได้โป้ปดว่า ทหารเหล่านี้เสียชีวิตในระหว่างการฝึกที่ค่ายตั้งติดพรมแดนยูเครนแทน
และในหน้าเดียวกันนี้(16) ในรายงานชิ้นนี้ยังระบุเพิ่มเติมว่า เครมลินระมัดระวังถึงการแพร่งพรายข้อมูลจำนวนตัวเลขเหล่านี้ที่จะสามารถเชื่อมโยงไปว่า เครมลินมีส่วนในวิกฤตยูเครนตะวันออกได้ โดยจากข้อมูลของ Open Russia หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร ได้เปิดเผยว่า มีทหารรัสเซียจำนวนอย่างน้อย 273 คน ที่มาจากทั้งการเกณฑ์ทหารและทหารรับจ้างได้เสียชีวิตจากการสู้รบในยูเครนตะวันออก ซึ่งจากข้อมูลโดยตรงของเนมต์ซอฟเองที่ได้เปิดเผยเบื้องต้นหลังจากการเสียชีวิตของอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียผู้นี้ในวันที่ 12 พฤษภาคม ล่าสุด ระบุว่า จำนวนเสียชีวิตของทหารรัสเซียมีราว 220 คน