รอยเตอร์ – กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ชักธงสัญลักษณ์ขึ้นเหนืออาคารที่ทำการรัฐบาลในเมืองรามาดี (Ramadi) ซึ่งห่างจากกรุงแบกแดดเพียงราวๆ 100 กิโลเมตร เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) และยังประกาศชัยชนะผ่านเครื่องขยายเสียงของมัสยิด หลังสามารถบุกยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเอกในภาคตะวันตกแห่งนี้ไว้ได้
ทั้งนี้ หากเมืองรามาดีถูกยึดจริงจะถือเป็นนครใหญ่แห่งแรกที่ไอเอสสามารถเข้าครอบครองได้สำเร็จ นับตั้งแต่ถูกกองกำลังความมั่นคงและกองกำลังกึ่งทหารของอิรักผลักดันจนต้องถอยร่นเมื่อปีที่แล้ว
แหล่งข่าวตำรวจเปิดเผยว่า ไอเอสใช้การโจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ 6 คันเพื่อเข้าถึงย่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของฝ่ายบริหารของจังหวัดอันบาร์ ล่าสุดยังคงมีการปะทะเกิดขึ้นในเขตหนึ่งของเมือง ขณะที่กองกำลังฝ่ายรัฐบาลยังสามารถรักษาศูนย์บัญชาการทหารทางตะวันตกของเมืองเอาไว้ได้
“รามาดีกำลังตกอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่เรายังไม่เสียเมือง และเจ้าหน้าที่ก็ยังคงต่อสู้กับพวกอาชญากรดาเอชอยู่” โซไฮบ์ อัล-ราวี ผู้ว่าการจังหวัดอันบาร์ แถลงผ่านสื่อทวิตเตอร์โดยใช้คำว่า “ดาเอช” ซึ่งเป็นชื่อย่อของกลุ่มไอเอสในภาษาอาหรับ
นายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี แห่งอิรัก ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและทหารเมื่อวานนี้ (15) รวมถึงผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และหัวหน้าหน่วยต่อต้านก่อการร้าย เพื่อหาวิธี “ขับไล่พวกแก๊งอันธพาลก่อการร้ายออกจากรามาดี”
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้นำอิรักยังได้หารือกับรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งรับปากว่าจะเร่งเสริมการสนับสนุนกองกำลังของอิรักด้วยอาวุธหนัก, จรวด AT-4 ชนิดยิงประทับบ่า, กระสุนปืน และเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ ที่จำเป็น
ปฏิบัติการรุกครั้งใหญ่ของนักรบไอเอสในเดือนเมษายนทำให้ทหารอิรักไม่สามารถควบคุมพื้นที่จังหวัดอันบาร์ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดของประเทศ และมุ่งขึ้นเหนือสู่ฐานที่มั่นของไอเอสในเมืองโมซุลได้
พันตรีแห่งกองทัพบกอิรักซึ่งมีกองกำลังประจำการอยู่ใกล้ศูนย์บัญชาการในจังหวัดอันบาร์ยอมรับว่า สถานการณ์จัดอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะไอเอสได้ยึดถนนสายหลักที่ใช้ส่งเสบียงเข้าไปในเมือง ทำให้ยากแก่การส่งกำลังเสริมเข้าไป
ทหารและตำรวจส่วนใหญ่ได้ถอยร่นมาอยู่บริเวณรอบๆ ศูนย์บัญชาการเพื่อป้องกันพื้นที่เอาไว้ ในขณะที่หน่วยรบพิเศษจำนวนหนึ่งถูกไอเอสปิดล้อมอยู่ในเขตมาลาบ ใจกลางเมืองรามาดี และกำลัง “ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด”
“หากรัฐบาลไม่รีบส่งกำลังมาเสริมโดยเร็ว และถ้าเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ไม่มาช่วยเรา เราอาจจะเสียเมืองรามาดีภายในเที่ยงคืนนี้... จะมีการสังหารหมู่เกิดขึ้น และพวกเราจะตายกันหมด พวกเรายืนหยัดป้องกันเมืองนี้มาหลายเดือน และไม่สมควรจะพบจุดจบเช่นนี้ มันเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด” ทหารยศพันตรีผู้นี้ กล่าว
อย่างไรก็ดี กองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ประเมินความสำเร็จของไอเอสเอาไว้สูงนัก โดยยืนยันว่า กลุ่มติดอาวุธในอิรักได้แต่เพียง “ป้องกันตนเอง” เสียส่วนใหญ่
พลเรือจัตวา โทมัส วีดลีย์ แห่งหน่วยนาวิกโยธิน ซึ่งเป็นผู้นำปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯและพันธมิตร ระบุว่า ทหารอิรักยังคงรักษา “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญและระบบสื่อสาร” ในเขตเมืองรามาดีไว้ได้
รามาดีเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในจังหวัดอันบาร์ที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอิรัก โดยจังหวัดใหญ่นี้มีพรมแดนติดกับซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย และจอร์แดน
