เอเจนซีส์ – กบฏเยเมนยังคงรุกคืบยึดพื้นที่เพิ่มเติมในสมรภูมิเมืองเอเดน อันเป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (2 เม.ย.) ขณะที่กองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพยายามต้านทานกลุ่มกบฏ ได้ถูกรัสเซียเรียกร้องให้ระงับการโจมตีทางอากาศ เพื่อให้องค์การกาชาดสากลสามารถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเยเมนในพื้นที่สู้รบ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน “เลวร้ายอย่างยิ่ง” ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นกำลังพิจารณาร่างญัตติในการจัดการคลี่คลายวิกฤตเยเมน ซึ่งรัสเซียและชาติอาหรับต่างฝ่ายต่างเสนอขึ้นมา
กองกำลังพันธมิตรอาหรับยังคงใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เข้าถล่มที่มั่นและคลังอาวุธของพวกกบฏฮูตี ซึ่งนับถึงวันเสาร์ (4) ก็เป็นวันที่ 11 แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่รอบๆ เมืองหลวงซานา ตลอดจนเมืองซาดา อันเป็นฐานที่มั่นด้านเหนือของกบฏชาวชีอะห์กลุ่มนี้ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ที่เอเดน เมืองหลักทางภายใต้ของประเทศ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกกับสำนักข่าวต่างประเทศ ว่า พวกกบฏสามารถรุกคืบเข้าสู่ย่าน “มูอัลลา” ซึ่งอยู่บริเวณกลางเมือง และสามารถยึดที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นเป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ยังเข้าโจมตีบริเวณที่พักอาศัย เผาทำลายอาคารหลายแห่ง ส่งผลให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย และหลายสิบครอบครัวต้องทิ้งถิ่นฐาน
ทางด้านนักรบที่สนับสนุนประธานาธิบดี อาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดี ที่ขณะนี้หนีไปยังซาอุดีอาระเบีย บอกว่า กบฏฮูตียังรุกคืบเข้าใกล้ท่าเรือมูอัลลา ที่อยู่ภายใต้การปกป้องของกลุ่มกำลังอาวุธท้องถิ่นที่ภักดีต่อฮาดี
ขณะเดียวกัน องค์การกาชาดสากลแถลงว่า เวชภัณฑ์สำหรับใช้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บในเอเดนกำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนหนัก แถมมีศพนอนกลาดเกลื่อนอยู่ตามถนน
โรเบิร์ต มาร์ดิน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการในตะวันออกกลางขององค์การกาชาดสากล เรียกร้องให้ทุกๆ ฝ่ายหยุดยิงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถจัดส่งเวชภัณฑ์และศัลยแพทย์เข้าสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดอย่างปลอดภัยและโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บ
ด้านกองกำลังพันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย และประกอบด้วย ชาติอาหรับริมอ่าวเปอร์เซียอื่นๆ อีก 4 ชาติ ตลอดจนอียิปต์ จอร์แดน โมร็อกโก และ ซูดาน ระบุว่า จะเปิดทางให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่เยเมนเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เหมาะสม และสำทับว่า ไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือเหล่านี้ตกอยู่ในมือกลุ่มกบฏ
ทั้งนี้ สถานการณ์ในเยเมนทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากนับจากที่พันธมิตรอาหรับเริ่มปฏิบัติการที่ใช้ชื่อว่า “โอเปอเรชั่น ดีซิซีฟ สตอร์ม” เพื่อกวาดล้างกลุ่มกบฏฮูตีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม
มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 185 คนในการต่อสู้ในเอเดนระหว่างผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้านประธานาธิบดีฮาดี นอกจากนั้นยังมีการปะทะอย่างดุเดือดในวันอาทิตย์ (5) ที่เมืองโลเดอร์ในจังหวัดอับยาน ทางใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน ในจำนวนนี้เป็นนักรบชีอะต์ของกลุ่มกบฏ 21 คน
เหตุการณ์รุนแรงเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลว่า เยเมนจะแตกเป็นเสี่ยง จากการกลายเป็นสมรภูมิของสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับอิหร่าน ซึ่งเป็นมหาอำนาจสุหนี่และชีอะห์ในตะวันออกกลาง
เตหะรานกล่าวหาริยาด ว่า ปลุกปั่นความไม่สงบในภูมิภาคด้วยการโจมตีทางอากาศต่อฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการยอมรับในดินแดนเทือกเขาทางเหนือของเยเมนที่นับถือนิกายชีอะต์ อิหร่านยังปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดอาวุธให้กบฏกลุ่มนี้ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยทหารที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ของเยเมนและเข้ายึดครองพื้นที่กว้างขวางในประเทศนี้ โดยอ้างว่า ต้องการล้มล้างฮาดีที่ทุจริตคอร์รัปชัน
ขณะเดียวกัน คำร้องของรัสเซียให้ระงับปฏิบัติการทางอากาศของกลุ่มอาหรับ โดยไม่พาดพิงถึงการหยุดยิงของฝ่ายกบฏนั้น มีขึ้นขณะที่กลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซียผลักดันร่างญัตติอีกฉบับในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกัน เพื่อให้มีการคว่ำบาตรอาวุธและลงโทษกบฏฮูตี
ร่างดังกล่าวถูกคัดค้านจากมอสโก ที่เสนอให้แก้ไขเพื่อครอบคลุมการคว่ำบาตรอาวุธทั้งหมดต่อเยเมนและจำกัดมาตรการลงโทษ
ไดนา คาวาร์ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นและเอกอัครราชทูตจอร์แดนประจำยูเอ็น แถลงว่า สมาชิกต้องการเวลาในการพิจารณาข้อเสนอเหล่านี้ และหวังว่า จะสามารถสรุปผลบางอย่างได้ในวันจันทร์ (6)
วาเลรี อามอส หัวหน้ากิจการด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นเผยว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และบาดเจ็บราว 1,700 คนในเยเมน
สถานการณ์ในเยเมนส่งผลให้ประเทศต่างๆ เร่งดำเนินการเพื่ออพยพพลเมืองของตนออกจากประเทศริมอ่าวเปอร์เซียแห่งนี้ ตัวอย่างเช่นวันอาทิตย์ เครื่องบินของปากีสถานมีกำหนดบินสู่ซานาเพื่ออพยพพลเมือง 170 คน นอกจากนั้น ยังมีเที่ยวบินจากจีน อียิปต์ จอร์แดน และ จิบูตี ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเดินทางไปยังเยเมนเช่นเดียวกัน