xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus:เยเมนเดือด! กบฏ “ฮูตี” บุกที่มั่นสุดท้ายประธานาธิบดี อีกหนึ่งศึกชิงดี “สุหนี่-ชีอะห์” ในตะวันออกกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมเป็นต้นมา สถานการณ์การสู้รบในเยเมนดูจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่า ดินแดนที่ได้ชื่อว่ายากจนข้นแค้นที่สุดของโลกอาหรับแห่งนี้ กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะก้าวเข้าสู่ “ภาวะสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ”

ฝ่ายกบฏมุสลิมชีอะห์ “ฮูตี” ที่มีอิหร่านเป็นพันธมิตรสำคัญ ได้จับมือผนึกกำลังกับกองกำลังติดอาวุธ ที่ภักดีกับอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ ซึ่งเป็นฝ่ายชีอะห์เช่นกัน เข้าถล่มและยึดครองพื้นที่ต่างๆทางภาคใต้ของเยเมนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักในการเผด็จศึกยึดเมือง “เอเดน” ที่ว่ากันว่าเป็น“ที่มั่นแห่งสุดท้าย”ของรัฐบาลประธานาธิบดีอาเบด รับบูห์ มันซูร์ ฮาดี ที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่และมีซาอุดีอาระเบียรวมถึง รัฐเศรษฐีสุหนี่อาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียให้การหนุนหลัง

กลุ่มกบฏฮูตีพยายามบุกเข้ายึดพื้นที่รอบนอกของนครเอเดน เมืองท่าสำคัญที่เป็นบ้านของประชาชน 800,000 คน ทางตอนใต้ของเยเมนเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) ที่ผ่านมา และเกิดการสู้รบกันอย่างหนักหน่วง กับกองกำลังผู้จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีฮาดี ซึ่งมีเหล่าชาติอาหรับฝ่ายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย คอยสนับสนุนด้วยการเปิดฉากโจมตีทางอากาศ

นับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ฝ่ายกบฏชีอะห์เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจากการที่พวกเขาเดินหน้าบุกเข้ายึดหัวเมืองน้อยใหญ่ได้ต่อเนื่อง ขณะที่กองกำลังของรัฐบาลประธานาธิบดีฮาดีได้แต่ถอยร่นกราวรูดโดยมีเมืองท่าเอเดนเป็นที่มั่นแห่งสุดท้าย หลังจากที่เคยต้องระเห็จหนีตายออกมาจากกรุงซานาที่เป็นเมืองหลวงของประเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของสถานการณ์ในเยเมน คือ การที่ทางการซาอุดีอาระเบียตัดสินใจ “ทิ้งไพ่ใบสำคัญ”เมื่อ 25 มีนาคม ด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตี รวมถึงในกรุงซานาที่ในเวลานี้ตกอยู่ใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏโดยสิ้นเชิง

สถานการณ์การสู้รบในเยเมนซึ่งถูกมองว่าเป็น “สมรภูมิประลองกำลัง” หรือเป็น “สงครามตัวแทน”ระหว่างฝ่ายมุสลิมชีอะห์ที่มีอิหร่านเป็นผู้นำ กับฝ่ายสุหนี่ภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย114 คนเฉพาะในเมืองเอเดนเพียงแห่งเดียว(นับข้อมูลถึงวันที่ 1 เมษายน)


การสู้รบที่เกิดขึ้น จึงไม่ต่างจากเป็นการนำสงครามกลางเมืองเข้ามาสู่ประเทศยากจนสุดในคาบสมุทรอาระ เบียแห่งนี้ และถือเป็น “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด”หลังจากที่สถานการณ์ในเยเมน ได้ถลำลึกลงไปสู่ความวุ่นวายมากอยู่แล้วแต่เดิม ทั้งจากปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งกำลังขยายตัว

นอกจากนั้น เยเมนยังเผชิญการปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ ซึ่งใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ออกโจมตีกวาดล้างสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ที่มีที่มั่นในภาคตะวันออกของเยเมน ถึงแม้ปฏิบัติการลับดังกล่าวของรัฐบาลอเมริกันจะยุติลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์สู้รบรุนแรงในเยเมนทำให้วอชิงตันตัดสินใจถอนทหารของตนทั้งหมดออกไปจากประเทศนี้

ดังนั้น จึงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ความขัดแย้งที่กำลังปะทุล่าสุดอยู่ในเยเมนเวลานี้ ได้เปลี่ยนให้เยเมนกลายสภาพเป็นสังเวียนแห่งล่าสุดสำหรับรองรับการ “แย่งชิงความเป็นใหญ่” ระหว่างซาอุดีอาระเบีย (ฝ่ายมุสลิมสุหนี่) กับอิหร่าน (ฝ่ายมุสลิมชีอะห์) อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

เพราะก่อนหน้านี้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน ต่างถือหางกองกำลังคนละฝ่ายที่ทำสงครามกลางเมืองอยู่ในซีเรียเวลานี้ ตลอดจนการสู้รบในเลบานอน นอกจากนั้น อิหร่านยังให้การสนับสนุนแก่กองกำลังท้องถิ่นชาวชีอะห์ในอิรักด้วยเช่นกัน

จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายมุสลิมสุหนี่หรือชีอะห์จะเป็นฝ่ายกำชัยชนะในสงครามตัวแทนที่มีเยเมนเป็นฉากในการดำเนินเรื่องในคราวนี้ แต่สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้เต็มปาก คือ ชะตากรรมอันน่าเศร้าของประชาชนเยเมนที่ต้องตกเป็น “ตัวประกัน” ที่ติดอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งและภัยสงครามรอบด้าน






กำลังโหลดความคิดเห็น