xs
xsm
sm
md
lg

“สหรัฐฯ-รัสเซีย” ส่อแววลดตึงเครียด หลัง “เคร์รี-ปูติน” ถกปัญหายูเครนนาน 4 ชม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จับมือทักทายกับรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ก่อนจะมีการประชุมร่วมกันที่บ้านพัก Bocharov Ruchei ที่เมืองโซชิ วานนี้ (12 พ.ค.)
เอเอฟพี - รัสเซียและสหรัฐฯ ประกาศจะร่วมมือและลดความมึนตึงต่อกัน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี ได้ร่วมหารือวิกฤตยูเครนและประเด็นปัญหาอื่นๆ “อย่างตรงไปตรงมา” ที่เมืองโซชิ สถานตากอากาศริมทะเลดำของรัสเซียเมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ทว่ายังไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่เป็นรูปธรรม

เคร์รี ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ได้ไปเยือนรัสเซีย หลังเกิดวิกฤตความขัดแย้งในยูเครนขึ้นเมื่อปลายปี 2013 และแม้บทสรุปของการหารือครั้งนี้จะไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่ก็นับเป็นการผ่อนปรนท่าทีต่อกันครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจซึ่งวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันมาตลอดหลายเดือน

“การประชุมในวันนี้ทำให้เราเข้าใจกันและกันมากขึ้น” เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลังจากที่ร่วมหารือกับ เคร์รี นานถึง 4 ชั่วโมงว่าด้วยปัญหาในยูเครน ซีเรีย อิหร่าน และประเด็นอื่นๆ

ด้าน เคร์รี ก็ได้ทวีตข้อความระบุว่า การเยือนรัสเซียครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ได้ตนและปูติน ได้พูดคุยกันอย่าง “ตรงไปตรงมา” และ “สร้างสรรค์” ก่อนที่ตนจะเดินทางต่อไปยังตุรกีเพื่อร่วมประชุมกับบรรดารัฐมนตรีนาโตในวันนี้ (13 พ.ค.)

“ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้พูดคุยกับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นนี้” เคร์รี ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบปูตินเป็นเวลา 4 ชั่วโมง

ในการแถลงข่าวร่วมกัน เคร์รี และ ลาฟรอฟ ต่างให้คำมั่นว่ามอสโกและวอชิงตันจะพยายามติดต่อพูดคุยอย่างสม่ำเสมอเพื่อคลี่คลายความเห็นต่าง

ความสัมพันธ์รัสเซีย-สหรัฐฯ เริ่มคลอนแคลนหนัก นับตั้งแต่คาบสมุทรไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของยูเครนถูกผนวกรวมเข้ากับรัสเซียเมื่อต้นปี 2014 รวมถึงกรณีที่มอสโกคอยหนุนหลังกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนด้วย

เคร์รี ถูกส่งไปเยือนเมืองโซชิ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ปฏิเสธที่จะไปร่วมพิธีสวนสนามฉลอง 70 ปีแห่งการมีชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันที่กรุงมอสโก ซึ่งถือเป็นการประท้วงที่รัสเซียเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในยูเครน

เคร์รี และ ลาฟรอฟ ได้วางพวงมาลาที่อนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อแสดงความเคารพต่อทหารโซเวียตที่สละชีพในสงครามครั้งนั้นด้วย

วอชิงตันและมอสโกมีมุมมองที่แตกต่างกันสุดขั้วต่อปัญหาภายในยูเครน ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองก็ยอมรับว่า ความแตกต่างนี้ยังมีอยู่ แต่ เคร์รี ย้ำว่า มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ใช้กับรัสเซียอาจถูกยกเลิก หากเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนตะวันออกได้รับการปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน

เคร์รี ยังฝากเตือนไปยังทุกฝ่ายรวมถึงรัฐบาลยูเครนด้วยว่า หากหวนกลับไปใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกัน “จะเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง”

ลาฟรอฟ ระบุว่า แม้สหรัฐฯ และรัสเซียจะ “มีความเห็นที่ขัดแย้งและแตกต่าง” เกี่ยวกับต้นตอของสงครามในยูเครนตะวันออก แต่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงคือทางออกเดียวของปัญหา

ทั้งนี้ คาดว่าวิกฤตการณ์ยูเครนจะเป็นวาระสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ซึ่งกำลังเปิดฉากขึ้นที่เมืองอันตัลยาของตุรกี

เคร์รียังกล่าวด้วยว่า หากสหรัฐฯและรัสเซียร่วมมือกันก็อาจบรรลุเป้าหมายสำคัญๆ ได้ไม่ยาก พร้อมหยิบยกเรื่องข้อตกลงทำลายคลังอาวุธเคมีของซีเรียขึ้นมาเป็นตัวอย่าง

“เราเห็นตรงกันว่า ความร่วมมือในลักษณะนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง... ความพยายามเช่นนี้จำเป็นเหลือเกินในการแก้ไขวิกฤตที่เราทั้งสองชาติกำลังเผชิญร่วมกัน” เคร์รี กล่าว

ในกรณีของซีเรีย เคร์รี กล่าวว่า มอสโกและวอชิงตันพร้อมจะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ก๊าซพิษคลอรีนโดยกองกำลังของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ กังวลอย่างมาก

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่า เคร์รี ต้องการหยั่งท่าทีรัสเซียว่าผ่อนคลายการสนับสนุน อัสซาด ลงบ้างหรือไม่ หลังจากที่ฝ่ายกบฏซีเรียเริ่มจะเป็นต่อในสงครามกลางเมืองซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี

เคร์รี ยังพูดถึงสถานการณ์ในเยเมนและลิเบีย พร้อมสรุปความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านให้ประธานาธิบดีรัสเซียรับทราบ โดยย้ำว่าสหรัฐฯ และรัสเซียควรจะมีจุดยืนที่สอดคล้องกันในเรื่องนี้

ยูรี อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของ ปูติน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแดนหมีขาวว่า การประชุมที่โซชิ “ถือเป็นสัญญาณความเข้าใจกันครั้งแรก และบ่งบอกว่า 2 มหาอำนาจอาจกลับมาร่วมมือกันตามปกติได้อีกครั้ง”

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มอสโกพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ “ในฐานะประเทศที่เท่าเทียม โดยปราศจากการชี้นำ หรือข่มขู่”




กำลังโหลดความคิดเห็น