ยังหวั่นเรื่องแพร่เชื้อเอดส์ ศาลสูงอียูชี้ห้ามเกย์บริจาคเลือดเหมาะสมแล้ว

เอเอฟพี - ศาลสูงของอียูระบุในวันพุธ (29 เม.ย.) ว่าบรรดารัฐบาลของชาติสมาชิก สามารถสั่งห้ามรับบริจาคเลือดจากกลุ่มรักร่วมเพศได้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวี แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าวิธีนี้ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจำกัดความเสี่ยง

ศาลได้พิจารณาถึงเรื่องนี้จากกรณีที่ชายรักร่วมเพศผู้หนึ่งในเมืองสตาร์บูร์ก ทางตะวันออกของฝรั่งเศส ได้ออกมาประท้วงข้อห้ามที่ไม่ยอมให้ใช้เลือดของเขาเมื่อปี 2009

ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรประบุว่า ข้อห้ามดังกล่าวของฝรั่งเศสซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ปี 1983 อาจเข้าข่ายละเมิดต่อหลักธรรมของสหภาพยุโรป ที่ว่าจะต้องไม่มีการแบ่งแยกในเรื่องของรสนิยมทางเพศ

อย่างไรก็ตาม ศาลมองว่าการห้ามรับบริจาคเลือดจากเกย์อาจเป็นสิ่งที่เหมาะสมเป็นธรรม เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เกี่ยวกับเรื่องที่บรรดาชาติสมาชิกกำลังเป็นกังวล

ศาลสูงอียูระบุว่า ข้อห้ามถูกตั้งขึ้นเพื่อให้แน่ใจได้ว่ามีการป้องกันในด้านสาธารณสุขระดับสูงแก่ผู้รับเลือด เพราะกลุ่มคนรักร่วมเพศมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคร้ายรุนแรง อาทิ เอชไอวี ซึ่งยังไม่มีเทคนิคการสืบหาที่มีประสิทธิภาพหรือยังไม่มีวิธีการตรวจที่ไม่ยุ่งยาก

ศาลระบุว่า หากมีวิธีทดสอบแบบใหม่ที่สามารถทำให้แน่ใจได้ว่าเลือดทั้งหมดที่ได้รับบริจาคมา ปลอดภัยจากการติดเชื้อ ข้อห้ามนั้นก็อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับศาลของฝรั่งเศสที่จะทบทวนสถานการณ์นี้ด้วยวิธีการการตรวจหาล่าสุดในปัจจุบัน

ฝรั่งเศสห้ามกลุ่มคนรักร่วมเพศทำการบริจาคเลือดในปี 1983 ช่วงที่โลกกำลังค้นหาวิธีระงับการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วประมาณ 39 ล้านคนนับตั้งแต่ตอนนั้น

ความก้าวหน้าในการตรวจหาและบำบัด ช่วยให้สามารถควบคุมการระบาดของโรคนี้ได้ โดยในช่วงที่ผ่านมา ทางรัฐบาลฝรั่งเศสเสนอที่จะให้ยุติข้อห้ามดังกล่าว ซึ่งมีหลายฝ่ายคิดว่าเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับกลุ่มคนรักร่วมเพศและควรทบทวนเสียใหม่

อังกฤษได้ยุติการห้ามบริจาคเลือดของกลุ่มคนรักร่วมเพศในปี 2011 จากนั้นสหรัฐอเมริกาก็ทำตามในปีต่อมา โดยมีเงื่อนไขว่าชาวเกย์ที่จะบริจาคเลือดจะต้องไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเวลา 1 ปี