รอยเตอร์ - ภูเขาไฟคาลบูโก ทางภาคใต้ของชิลี ที่เกิดปะทุขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อวันพุธ (22 เม.ย.) ยังคงพ่นเถ้าถ่านและกลุ่มควันสู่ท้องฟ้า และแผ่ขยายวงกว้างออกไปมากยิ่งขึ้นในวันศุกร์(24เม.ย.) โดยถึงขึ้นที่สายการบินต่างๆต้องยกเลิกเที่ยวบินจากกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ที่อยู่ห่างไปทางตะวันออกถึง 1,400 กิโลเมตร
คาลบูโก ซึ่งถูกยกเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่อันตรายที่สุดของบรรดาภูเขาไฟที่ยังมีพลังราว 500 ลูกของชิลี ปะทุรุนแรง 2 ครั้งซ้อนในเวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ในวันพุธ(22เม.ย.) และวันพฤหัสบดี(23เม.ย.) ส่งกลุ่มควันอันน่าตื่นตะลึงขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงราว 17 กิโลเมตรและทำเมืองต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่านสีน้ำตาลหนาหลายสิบเซนติเมตร
เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นพื้นที่รัศมี 20 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตลอส ลากอส ทางใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงซานติอาโก ราว 1,000 กิโลเมตร ขณะที่สถานีวิทยุท้องถิ่นรายงานว่ามีบ้านเรือนบางส่วนและอาคารโรงเรียนบางแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟลูกนี้พังถล่มลงมา เนื่องจากแบกรับน้ำหนักของเถ้าถ่านไม่ไหว
เถ้าถ่านยังคุกคามการสัญจรทางอากาศ โดยเฉพาะในชั้นบรรยากาศที่อาจก่อความเสียหายแก่เครื่องบิน ทั้งนี้กระแสลมแรงได้พัดหมอกเถ้าถ่านไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งหน้าสู่อาร์เจนตินา ชาติเพื่อนบ้าน และการสัญจรทางอากาศได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดในวันศุกร์(24เม.ย.)
เดลตา แอร์ไลน์ส, แอร์ฟรานซ์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ส ต้องระงับเที่ยวบินต่างๆที่มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติที่เอเซย์ซา ใกล้ๆกรุงบัวโนสไอเอส "พวกเขายกเลิกในมาตรการป้องกันไว้ก่อน ด้วยความกังวลว่าหากลงจอดแล้ว พวกเขาอาจไม่สามารถเทคออฟในภายหลังได้" โฆษกของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติอาร์เจนตินากล่าว "เราไม่ตัดความเป็นไปได้ที่สายการบินอื่นๆ อาจตัดสินใจแบบเดียวกัน"
ในบาริโลเช เมืองท่องเที่ยวทางภาคใต้ของอาร์เจนตินา มีการยกเลิกเที่ยวบินเป็นวันที่ 2 ติด ถนนบางแห่งปิดการสัญจนและโรงเรียนต่างๆระงับการเรียนการสอน ส่วนในชิลี หมอกเถ้าถ่านลอยไปไกลถึงเมืองวัลปาไรโซ ใกล้กรุงซันติอาโก ทำให้สายการบินเดลต้าและอเมริกัน แอร์ไลน์ส ต้องยกเลิกเที่ยวบินสู่เมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม เดวิด รอทรีย์ ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิยาจากมหาวิทยาลัยโอเพ่นของสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่าภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบัน หมอกเถ้าถ่านไม่น่าจะแผ่ลามไปมากกว่านี้ "แม้การปะทุเถ้าถ่านจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่มีความเป็นไปได้เล็กน้อยมากที่มันจะก่อเถ้าถ่านมากพอที่แผ่ลามไปทั่วเขตร้อน" เขากล่าว โดยชี้ว่ามันจะไม่ก่อความยุ่งเหยิงในวงกว้างเหมือนเมื่อครั้งที่ภูเขาไฟเปูเยอวยปะทุเมื่อปี 2011 ซึ่งส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไกลถึงออสเตรเลีย