เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – เหตุเรือลักลอบขนคนเข้าเมืองเถื่อนที่มีผู้โดยสารราว 950 ชีวิตจากแอฟริกามุ่งหน้าสู่สหภาพยุโรปเกิดล่มในน่านน้ำลิเบียห่างจากชายฝั่งลิเบียขึ้นไปทางเหนือประมาณ 126 กม. และอยู่ห่างจากเกาะลัมเปดูซาของอิตาลีลงมาทางใต้ประมาณ 177 กม.ในวันอาทิตย์(19)ที่ผ่านมา ล่าสุดในวันนี้(21)ตำรวจอิตาลีสามารถจับกุมกัปตันเรือสัญชาติตูนิเซียและลูกเรือชาวซีเรีย 1 คน หลังสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตไว้ได้เพียง 28 คน และพบหาร่างผู้เสียชีวิตได้เพียง 24 คน ในขณะที่องค์การสหประชาชาติยืนยันตัวเลขล่าสุดว่ามีผู้เสียชีวิตในวิกฤตเรือผู้ลี้ภัยล่มไม่ต่ำกว่า 800 คน ซึ่งล่มในขณะที่เรือลักลอบขนคนลำนี้แล่นเข้าไปหาเรือสินค้าโปรตุเกสเพื่อขอความช่วยเหลือ และทำให้เรือเกิดเสียความสมดุลและล่มในที่สุดในขณะที่ยังมีผู้ลี้ภัย 300 คนถูกขังในห้องปิดตาย
หน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตเหตุเรือลักลอบขนมนุษย์จากแอฟริกาล่มนอกฝั่งอิตาลีในวันเสาร์(18)มีถึง 800 คน คาร์ล็อตตา ซามี (Carlotta Sami) โฆษกหญิง UNHCR ประจำอิตาลีแถลงในวันอังคาร(21)ว่า “ในขณะนี้เราสามารถยืนยันได้ว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 800 คน”
ทั้งนี้ตัวแทนจากองค์การสหประชาชาติและจากหน่วยงานช่วยเหลือผู้อพยพนานาชาติได้สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตทั้ง 28 คน ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์เรือล่มเกิดขึ้นในทันทีที่เรือลักลอบขนคนเถื่อนนี้แล่นเข้าหาเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติโปรตุเกส และเกิดเสียสมดุลทันทีเพราะบรรดาผู้ลี้ภัยต่างกรูไปยืนที่ด้านหนึ่งของเรือมากเกินไป
ซามีแถลงต่อว่า “บนเรือลี้ภัยลำเกิดเหตุมีผู้โดยสารอยู่บนเรือไม่ต่ำกว่า 800 คน รวมไปถึงเด็กที่มีช่วงอายุระหว่าง 10 -12 ปี ซึ่งเด็กเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นชาวซีเลียส่วนใหญ่ รวมไปถึงชาวเอริเทรียนและโซมาเลียอีก 150 คน โดยคนทั้งหมดออกเดินทางจากกรุงตริโปลี ลิเบีย เวลา 8.00 น. ในวันเสาร์(18)”
และพบว่ามีผู้รอดชีวิตคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในคาตาเนีย ทางชายฝั่งตะวันออกของซิซิลี
นอกจากนี้ซามียังชี้ว่า ผู้อพยพบนเรือลักลอบขนมนุษย์นี้มาจากมาลี แกมเบีย เซเนกัล โซมาเลีย เอริเทรีย และบังกลาเทศ ซึ่งคนทั้งหมดที่รอดชีวิตถูกนำไปยังศูนย์ผู้อพยพอิตาลีบนเกาะซิซิลี
NBC News สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ร็อกโก ลิกอรี (Rocco Liguori) ผู้ช่วยอัยการอิตาลีแถลงว่า ได้จับกุม 2 คนจากเหตุการณ์วิกฤตเรือลักลอบขนคนเข้าเมืองนี้ รวมไปถึงกัปตันเรือชาวตูนิเซีย 1 คนและลูกเรือชาวซีเรีย 1 คน ในข้อหาให้ความช่วยเหลือการลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย ในขณะที่กัปตันเรือถูกตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
และสื่อสหรัฐฯยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะที่ยามฝั่งอิตาลีอยู่ในระหว่างการกู้ภัยและค้นหาผู้รอดชีวิตเรือลักลอบขนคนเข้าเมืองล่มกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้ ทางยามฝั่งได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือใหม่ เรือผู้ลี้ภัย 2 ลำอยู่นอกฝั่งลิเบีย และเรือผู้อพยพอีก 1 ลำเกยตื้นใกล้กับกรีซ
เหตุการณ์วิกฤตลี้ภัยล่มตายร่วม 800 คนนี้ทำให้นายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ เรนซี ต้องขอให้บรัสเซลส์เปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อลับมือวิกฤต ซึ่งในวันจันทร์(20)ผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรปต่างพยายามที่จะหาทางออกแก้ปัญหาวิกฤตคลื่นผู้ลี้ภัยหนีเข้ายุโรป และทำให้เกิดช่องทางฉกฉวยจากเครือข่ายลักลอบค้ามนุษย์
“เรากำลังเผชิญหน้ากับขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่สามารถทำเงินได้มูลค่ามหาศาล”มัตเตโอ เรนซี กล่าวในแถลงการณ์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีมอลตา โจเซฟ มุสกัต และได้เปรียบเทียบขบวนการนี้ไม่ต่างจากการค้าทาสในอดีต
และเดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า สหภาพยุโรปประกาศที่จะเดินหน้า “ยึดและทำลายเรือลักลอบขนคนเถื่อน” หลังเกิดวิกฤตคลื่นผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้ายุโรปจากสงครามกลางเมืองลิเบีย
ทั้งนี้การประชุมฉุกเฉินจะมีขึ้นวันพฤหัสบดี(23)ที่คาดว่าจะมีนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน เข้าร่วมประชุมด้วย โดยในการประชุมจะมีผู้เชี่ยวชาญเสนอแผนยุทธศาสตร์ 10 ประการในการที่จะกำจัดขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ และคาดว่าจะมีการเสนอเพิ่มงบประมาณเป็น 2 เท่าในการตรวจการณ์ยามฝั่งทางใต้ของยุโรป พร้อมกับแผนการยุทธวธีฎิบัติตอบโต้ขบวนการผิดกฏหมายบริเวณนอกฝั่งโซมาเลีย
ด้านสื่ออิตาลีรายงานเมื่อวานนี้(20)ว่า ผู้ลี้ภัยชาวบังกลาเทศวัย 32 ปีถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้เปิดเผยว่าบนเรือลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฏหมายนั้นมีผู้โดยสารทั้งหมดราว 950 คน “มีผู้หญิง 200 คน และเด็กราว 50 คนอยู่บนเรือลำนี้ และมีคนอีกจำนวนมากถูกขังในห้องที่ถูกล็อกกุญแจ ซึ่งคนเหล่านั้นตายเหมือนหนูหนีน้ำในกรง” เหยื่อผู้รอดชีวิตวัย 32 ปีให้สัมภาษณ์กับ La Sicilia
และผู้รอดชีวิตเผยต่อว่า “ผมและคนอื่นๆรอดชีวิตมาได้เพราะเราอยู่บนดาดฟ้าเรือ ในขณะที่คนเป็นจำนวนมากจมน้ำ และมีอีกส่วนหนึ่งถูกขังไว้เพราะพวกค้ามนุษย์กลัวว่าคนพวกนี้จะออกมา ซึ่งพวกเขาต้องจบชีวิตอยู่ก้นทะเล”
โดยเดลีเมลชี้ว่า มีคนราว 300 คนถูกขังในห้องที่ถูกปิดตายบนเรือค้ามนุษย์ลำนี้ ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานว่า ผู้รอดชีวิตชาวบังกลาเทศคนนี้ได้ให้การกับอัยการอิตาลี และขณะนี้กำลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ฟรานเซสโก กัลโล (Francesco Gallo)เจ้าหน้าที่ตำรวจบนเรือยามฝั่งอิตาลี Guardia Finanza ได้เล่าให้สื่ออิตาลี Corriere della Sera ถึงวินาทีที่เขาได้พบร่างไร้ชีวิตของเด็กวัย 10 ปีจากเรือพายยางว่า “เป็นวินาทีที่เหมือนอยู่ในนรก ทันทีที่เราเข้าไปใกล้ ผมภาวนาว่าขอให้หนูน้อยยังมีชีวิต แต่ว่าความหวังนั้นได้หมดไปเมื่อเราพบว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเป็นเด็กชายตัวเล็กๆที่ไม่น่าจะมีอายุเกิด 10 ปีด้วยซ้ำ ผมโอบร่างหนูน้อยไว้ราวว่าเขาเป็นเสมือนลูกชาย ซึ่งพวกเราที่อยู่บน Guardia Finanza ต่างไม่อยากคาดคิดว่าจะมีร่างผู้เสียชีวิตกองสุมกันอีกมากเพียงใดใต้น้ำที่เรากำลังลอยเรือลำนี้อยู่”
ทางด้านกัปตันเรือยามฝั่งอิตาลี เปาโล ซอตโตลา (Paolo Zottola) ยืนยันว่า ทางหน่วยงานจะไม่ยกเลิกการค้นหา จนกว่าจะสามารถค้นพบผู้ลี้ภัยทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะยังมีลมหายใจหรือไม่ “เป็นงานที่ยาก แต่เป็นงานของเราที่เราต้องทำให้สำเร็จ ช่างน่าเสียดายที่เราไม่สามารถสร้างปาฎิหารย์ได้ แต่คงไม่ใครชินกับความเจ็บปวดที่ต้องเห็นสิ่งที่โหดร้ายเหล่านี้”
และซอตโตลาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ด้วยอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เย็นเยียบในช่วงเที่ยงคืน ไม่คิดว่าเหยื่อผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะสามารถมีชีวิตในน้ำอยู่ได้เกินครึ่งชั่วโมง”
นอกจากนร้ในอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์(19) ยามฝั่งอิตาลีสามารถช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่มาจากเรือลำอื่นได้ราว 100 คน และนำขึ้นสู่เกาะซิซิลีที่มีศูนย์ผู้ลี้ภัยที่แน่นขนัด
NBC News รายงานทิ้งท้ายว่า อัยการอิตาลีประเมินตัวเลขสนนราคาต่อหัวของผู้ลักลอบเข้าเมืองจากเอริเทรีย หรือเอธิโอเปียสู่ลิเบียอยู่ที่ 4,000 – 5,000 ดอลลาร์ และหากนำข้ามฝั่งมหาสมุทรไปยังอิตาลี จะเพิ่มค่าใช้จ่ายอีก 1,000 – 1,500 ดอลลาร์ และนอกจากนี้ทางผู้อพยพต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 1,000 ดอลลาร์ เพื่อสามารถหลบออกจากศูนย์ผู้อพยพในอิตาลี และเดินทางไปยังยุโรปเหนืออันเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทาง