เอเจนซีส์ – รัฐแคนซัสกลายเป็นรัฐแรกในสหรัฐฯที่ออกกฎหมายห้ามการยุติการตั้งครรภ์สำหรับหญิงที่มีครรภ์แก่ในระยะที่2 หรือตั้งแต่สัปดาห์ที่13 -27 หลังจากที่พบว่ากระบวนการยุติการตั้งครรภ์ ขูดมดลูกและการขับออก อาจทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ถูกทำลายฉีกขาดเป็นชิ้นๆได้ ซึ่งกฎหมายใหม่ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2015 เป็นต้นไป หลังจากที่แซม บราว์นแบ็ค( Sam Brownback) ผู้ว่าการรัฐแคนซัสลงนามในกฎหมายห้ามยุติการตั้งครรภ์ในวันอังคาร(7)
NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(7)ว่า กฎหมายห้ามการยุติการตั้งครรภ์ใหม่ของรัฐแคนซัสมีขึ้นหลังพบว่า กระบวนการยุติการตั้งครรภ์ ขูดมดลูกและการขับออก อาจทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ในสัปดาห์ที่ 13 เป็นต้นไปถูกทำลายฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
ซึ่งบรรดาผู้สนับสนุนกฎหมายคุมกำเนิดฉบับนี้ต่างกล่าวว่า กระบวนการยุติการตั้งครรภ์นั้นน่าสะพรึงกลัว แต่ทว่ากลุ่มคัดค้านที่มีแนวคิดสนับสนุนสุขภาพของแม่เด็กกลับโต้ว่า “ขูดมดลูกและการขับออก”นั้นถูกยอมรับว่าเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยในการยุติการตั้งครรภ์ในระยะที่ 2 ของการตั้งครรภ์ หรือตั้งแต่สัปดาห์ที่13 -27
อย่างไรก็ตามกฎหมายฉบับนี้อนุญาตให้กระทำได้หากชีวิตของแม่เด็กตกอยู่ในอันตราย หรือการตั้งครรภ์ส่งผลต่อสุขภาพขั้นร้ายแรงของแม่
ทั้งนี้สถาบันกัตแมเชอร์ ( Guttmacher Institute) ที่สนับสนุนสิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ชี้ว่า แซม บราว์นแบ็ค( Sam Brownback) ผู้ว่าการรัฐแคนซัสสายรีพับลิกันได้เป็นผู้นำในกฎหมายจำกัดการยุติการตั้งครรภ์ พร้อมกับมาตรการต่างๆกว่า 20 มาตราที่ออกมานับตั้งแต่ได้รับเลือกจากชาวแคนซัสในปี 2011
นอกจากนี้สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า กระบวนการยุติการตั้งครรภ์ที่ว่านี้ใช้ในอเมริการาว 8 – 9% ทั่วประเทศ และพบว่าในขณะนี้รัฐโอกลาโฮมา รัฐมิสซูรี และรัฐเซาท์แคโรไลนา กำลังพิจารณามาตรการห้ามยุติการตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่ากว่า 90% ของกระบวนการยุติการตั้งครรภ์ในสหรัฐฯเกิดขึ้นในระยะแรกของการตั้งครรภ์หรือตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1-12