เอเอฟพี - นายโมฮัมมาดู บูฮารี อดีตผู้นำรัฐบาลทหารของไนจีเรีย เมื่อวันอังคาร(31มี.ค.) ออกมาอ้างคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเหนือคู่แข่ง กูดลัค โจนาธาน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กระตุ้นให้เหล่าผู้สนับสนุนหลายพันคนออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนน
โฆษกทีมหาเสียงของบูฮารีบอกว่านายกูดลัค โจนาธาน ปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดี ได้ต่อสายตรงถึงนายพลปลดเกษียณ ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งที่คู่คี่สูสีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไนจีเรีย
หากเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจตามระบอบประชาธิปไตยครั้งแรกของไนจีเรีย และเป็นการคืนชีพอย่างน่าทึ่งของอดีตนายพลวัย 72 ปี ที่เคยเป็นผู้นำของรัฐบาลทหารที่มีอายุสั้นๆในช่วงทศวรรษ 1980
เหล่าผู้สนับสนุนของนายบูฮารีต่างออกมาเฉลิมเฉลองบนท้องถนน โดยจำนวนมากกวัดแกว่งไม้กวาดอันเป็นสัญลักษณะที่เขาเคยให้สัญญาว่าจะชำระล้างคอรัปชันภายในชาติที่มีประชากร 173 ล้านคนและอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน
"ประธานาธิบดีโจนาธานโทรมาตอน 17.15น.(ตรงกับเมืองไทย23.15น.)" โฆษกทีมหาเสียงของบูฮารีบอก และพอผู้สื่อข่าวถามว่า โจนาธาน ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วหรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่ และนายพลบูฮารีก็ตอบรับและขอบคุณเขาสำหรับการยอมรับความพ่ายแพ้ดังกล่าว"
ยังไม่มีการออกมาแสดงความคิดเห็นจากฝั่งของนายโจนาธาน โฆษกส่วนตัวหรือทางพรรคประชาธิปไตยประชาชน(พีดีพี) แต่ บูฮารี บอกกับเอเอฟพีว่ารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะได้รับชัยชนะ เนื่องจากผลการนับคะแนนโหวตเผยให้เห็นว่าเขามีคะแนนนำหน้าประธานาธิบดีโจนาธานพอสมควร
เบื้องต้นผลคะแนนใน 36 รัฐจากทั้งหมด 37 รัฐทั่วประเทศ พบว่าพรรคออล โพรเกรสซีฟ คองเกรส (เอพีซี) คว้าชัย 20 รัฐ ส่วนพรรคพีดีพีของนายโจนาธาน ชนะแค่ 15 รัฐ บวกกับเขตเมืองหลวงของสหพันธ์กรุงอาบูจา และรอเพียงผลลงคะแนนจากรัฐบอร์โน แก่นกลางของเหตุความไม่สงบโดยฝีมือของพวกโบโก ฮารัม
จากนั้นในเวลาต่อมา จะมีการเปิดเผยผลคะแนนเพิ่มเติมว่าในรัฐบอร์โน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียที่เผชิญเหตุความไม่สงบเลวร้ายมานานกว่า 6 เดือน เป็นฝ่ายนายบูฮารี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเช่นกัน โดยได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 94 ของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลยทีเดียว
บูฮารี ลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 4 ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนที่ผิดหวังต่อปัญหาคอรัปชันอย่างครึกโครม รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อนายโจนาธาน เกี่ยวกับความล้มเหลวในการรับมือกับเหตุความไม่สงบจากฝีมือของโบโกฮารัม