ซาอุฯ ประกาศโจมตีทางอากาศถล่ม “กบฏฮูตี” ในเยเมน

รอยเตอร์ - ซาอุดีอาระเบียประกาศเริ่มภารกิจโจมตีทางอากาศในเยเมนร่วมกับกลุ่มพันธมิตร 10 ประเทศวานนี้ (25 มี.ค.) เพื่อตอบโต้กองกำลังกบฏฮูตีซึ่งกำลังรุกคืบประชิดเมืองเอเดน อันเป็นฐานที่มั่นของประธานาธิบดีแห่งเยเมน

ริยาด ยาซีน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยเมน ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยการนำของซาอุฯ พุ่งเป้าไปที่การทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเครื่องยิงขีปนาวุธของพวกกบฏ

“ปฏิบัติการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้กบฏฮูตีใช้สนามบินและเครื่องบินมาโจมตีเอเดนหรือเมืองอื่นๆ ในเยเมน และไม่ให้พวกเขาใช้ขีปนาวุธได้ด้วย” ยาซีน ให้สัมภาษณ์จากเมืองชาร์ม เอล-ชัยค์ ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาหรับในวันนี้ (26 มี.ค.)

ถ้อยแถลงร่วมของซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, บาห์เรน และกาตาร์ ระบุว่า กลุ่มรัฐอาหรับจำเป็นที่จะต้องลงมือในครั้งนี้เพื่อสกัดความก้าวร้าวของพวกฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลังอยู่

ระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน อาเดล อัล-ญูเบร์ เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ ระบุว่า ชาติพันธมิตรในอ่าวอาหรับและอื่นๆ ได้เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับกองทัพซาอุดีอาระเบีย เพื่อ “ปกป้องและป้องกันรัฐบาลที่มีความชอบธรรม” ของประธานาธิบดี อับดุร-รับบู มันซูร์ ฮาดี แต่ยังไม่เผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ซ่อนตัวของผู้นำเยเมน

การตัดสินใจเช่นนี้เท่ากับว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ในตะวันออกกลางได้ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์เยเมนอย่างเต็มตัว และอาจลุกลามจนถึงขั้นเป็น “สงครามตัวแทน” กับอิหร่านซึ่งหนุนหลังผู้นำกบฏฮูตีที่นับถือนิกายชีอะห์สาขาหนึ่ง ในขณะที่ซาอุฯ และราชวงศ์อาหรับนิกายสุหนี่สนับสนุน ฮาดี

“เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรัฐบาลที่ชอบธรรมของเยเมนไม่ให้ถูกโค่นล้มได้” ญูเบร์ กล่าว

ทูตซาอุฯ ไม่ระบุชัดเจนว่าเวลานี้ ฮาดี พำนักอยู่ที่ใด แต่ยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารเป็นไปตามคำเรียกร้องโดยตรงจากผู้นำเยเมน

รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงว่า ประธานาธิบดีฮาดีหนีไปกบดานอยู่ที่เมืองเอเดนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่พวกกบฏฮูตียึดกรุงซานาได้สำเร็จ แต่เวลานี้ไม่ได้อยู่ในบ้านพักซึ่งเป็นฐานที่มั่น

แม้ ญูเบร์ จะระบุว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ร่วมภารกิจโจมตีทางอากาศในเยเมน แต่เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งกลับยืนยันว่า สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน “บางอย่าง”

ทูตซาอุฯ กล่าวเสริมว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะไม่ถูกจำกัดอยู่เฉพาะเมืองใดเมืองหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งของเยเมน ซึ่งหมายความว่าเครื่องบินรบของซาอุฯและชาติพันธมิตรพร้อมจะตามไปถล่มกบฏฮูตีทุกที่

กองกำลังท้องถิ่นของกบฏฮูตีและหน่วยทหารที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเขาได้ยึดท่าอากาศยานเอเดนและฐานทัพอากาศใกล้เคียงอีกแห่งวานนี้ (25 มี.ค.) ซึ่งทำให้ฝ่ายกบฏสามารถคุมพื้นที่รอบเมืองเอเดนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

“เราติดต่อกับ (ประธานาธิบดีฮาดี) วันนี้เอง” เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงต่อสื่อที่กรุงวอชิงตัน “เขาไม่ได้อยู่ในบ้านพักแล้ว แต่ดิฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะยืนยันสถานที่พำนักในปัจจุบันได้”

ต่อมาได้มีรายงานว่า บ้านพักของฮาดีถูกโจรบุกปล้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีหลบหนีออกไปในช่วงบ่าย

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยเมน และผู้ช่วยคนสนิทของฮาดี ยืนยันว่า ประธานาธิบดียังคงพำนักอยู่ ณ สถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งในเมืองเอเดน

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า ทหารที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ พันธมิตรคนสำคัญของกบฏฮูตี ได้บุกยึดสนามบินเอเดนตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (25) แต่ยังปะทะกับกลุ่มสนับสนุน ฮาดี อย่างต่อเนื่อง และเวลานี้เครื่องบินไม่สามารถขึ้น-ลงได้แล้ว

ก่อนหน้านั้นพวกกบฏสามารถยึดฐานทัพอากาศ อัล-อานาด ที่อยู่ห่างจากเมืองเอเดนไปทางเหนือราว 60 กิโลเมตร ก่อนจะรุกคืบสู่ตัวเมืองซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้

เหตุจลาจลที่ลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองส่งผลให้เยเมนกลายเป็นแดนปะทะระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน โดยริยาดนั้นกล่าวหาว่าเตหะรานพยายามปลุกปั่นความแตกแยกด้วยการหนุนหลังพวกกบฏฮูตี