เอเอฟพี - ตำรวจอินเดียจับกุมชายชาวฮินดู 6 คนซึ่งบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินภายในโบสถ์คริสต์ทางตอนกลางของอินเดียเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (20 มี.ค.) นับเป็นกรณีล่าสุดที่มีการโจมตีสถาบันของชาวคริสต์ในดินแดนภารตะซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ทุ่มทำลายกระถางต้นไม้ พังประตู และทุบกระจกหน้าต่างของโบสถ์คริสต์ในเมืองจาบัลปูร์ รัฐมัธยประเทศ
กลุ่มขวาจัด ฮินดู ธรรมเสนา (Hindu Dharma Sena) กล่าวหาว่าโบสถ์แห่งนี้โน้มน้าวให้สมาชิกของชนเผ่าท้องถิ่นราว 200 คนหันไปนับถือคริสตศาสนา แต่ยืนยันว่าไม่ได้ส่งคนไปทำลายทรัพย์สินของโบสถ์ตามที่เป็นข่าว
“เมื่อคืนที่ผ่านมา เราจับกุมผู้ต้องสงสัย 6 คนซึ่งคาดว่าจะมีส่วนพัวพันกับการทำลายทรัพย์สินของโบสถ์ เวลานี้เราพยายามหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง และอาจจะต้องมีการจับกุมเพิ่มอีก” เอชซี มิชรา นายตำรวจระดับสูงประจำรัฐมัธยประเทศ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีทางโทรศัพท์
การเปลี่ยนศาสนายังเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งอย่างมากในสังคมภารตะ ทั้งๆ ที่อินเดียเป็นรัฐทางโลกที่รับรองเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการนับถือศาสนา
นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า พวกฮินดูหัวรุนแรงชักจะเหิมเกริมขึ้น นับตั้งแต่พรรคภารติยะชนตะ (บีเจพี) ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ชนะเลือกตั้ง และก้าวขึ้นมาบริหารประเทศในปีที่แล้ว
โบสถ์และโรงเรียนของชาวคริสต์ในอินเดียถูกโจมตีหลายแห่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และกำลังกลายเป็นวิกฤตที่ท้าทายเสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวอินเดีย
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ แม่ชีชราวัย 75 ปีถูกคนร้ายรุมโทรมภายในโรงเรียนคอนแวนต์ที่รัฐเบงกอลตะวันตก จนเกิดกระแสประท้วงไปทั่วประเทศ ต่อมาในวันเสาร์ (21) ก็มีกลุ่มชายปกปิดใบหน้าบุกเข้าไปทำลายโบสถ์คริสต์ในนครมุมไบ เมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ ซึ่งปกครองโดยผู้ว่าการรัฐจากพรรคบีเจพี เช่นเดียวกับรัฐมัธยประเทศ
นายกฯ โมดี ได้แถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า รัฐบาลจะขจัดความรุนแรงระหว่างศาสนา เพื่อให้พลเมืองทุกกลุ่มได้มีเสรีภาพในการปฏิบัติตามความเชื่อของตน แต่ถึงกระนั้น โมดี ก็ยังมิวายถูกตำหนิว่าเหตุใดจึงไม่ประกาศจุดยืนเร็วกว่านี้
พลเมือง 1,200 ล้านคนในอินเดียนับถือศาสนาฮินดูร้อยละ 80 และมีชาวมุสลิมอยู่ราวๆ 13.4% ส่วนที่เหลือเป็นชาวคริสต์, พุทธ, ซิกข์ และศาสนาอื่นๆ