รอยเตอร์ – บริษัทยานยนต์ชื่อดัง เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ประกาศปิดโรงงานแห่งหนึ่งในรัสเซีย และเตรียมหยุดทำตลาดรถยนต์แบรนด์ “โอเปิล” (Opel) โดยจะแบกรับค่าใช้จ่ายราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการปรับโครงสร้าง เพื่อรับมือพิษเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายในแดนหมีขาวตกฮวบ
ตลาดรถยนต์ในรัสเซียที่เคยเติบโตได้ถึงปีละกว่า 10 % เริ่มส่งสัญญาณซบเซาในปี 2014 หลังจากตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษที่มอสโกก้าวก่ายวิกฤตยูเครน ตลอดจนปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ และเงินรูเบิลอ่อนค่า ซึ่งทำให้ผู้บริโภคชาวรัสเซียหลีกเลี่ยงจับจ่ายสินค้าราคาแพง และยังส่งผลให้จีเอ็มและค่ายรถอื่นๆ มีต้นทุนในการนำเข้าอะไหล่สูงขึ้น
การปรับขนาดธุรกิจของ จีเอ็ม สอดคล้องกับนโยบายของค่ายรถชั้นนำทั่วโลกที่เริ่มชะลอการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ หลังพบว่าผลตอบแทนไม่ได้คุ้มค่าขนาดที่บรรดาซีอีโอเคยคาดไว้เมื่อต้นทศวรรษ
เมื่อเดือนที่แล้ว จีเอ็ม ประกาศยกเลิกผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซียพร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจในไทย ส่วนฟอร์ด มอเตอร์ ก็ต้องยอมแบกรับค่าใช้จ่ายราว 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจในเวเนซุเอลาเช่นกัน
โรงงานจีเอ็มที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งผลิตรถยนต์ เชฟโรเลต ครูซ, โอเปิล แอสตรา และ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ จะปิดดำเนินการในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งทำให้บริษัทต้องปลดพนักงานออกราว 1,000 ตำแหน่ง
จีเอ็ม จะเริ่มชะลอทำตลาดรถยนต์ โอเปิล ในช่วงเดือนธันวาคม และหยุดสายการผลิต เชฟโรเลต ที่โรงงาน GAZ ในรัสเซีย เพื่อหันมามุ่งทำตลาดรถยนต์เกรดพรีเมียม ส่วนรถเอสยูวีรุ่นล่าสุดอย่าง เชฟโรเลต นีวา ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนกับค่ายรถ Autovaz OAO ของรัสเซียจะยังผลิตออกสู่ท้องตลาดต่อไป
เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เองที่ จีเอ็ม เคยยกย่องรัสเซียว่าเป็นตลาดที่ “สำคัญในเชิงยุทธศาสตร์” และยังประกาศจะเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ในรัสเซียให้ได้เป็น 350,000 คันต่อปี
หลังจากนี้ จีเอ็ม จะเน้นทำตลาดรถยนต์หรูในรัสเซีย เช่น คาดิลแลค และเชฟโรเลตบางรุ่นที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าตลาดรถยนต์ระดับกลาง
ในปี 2014 ตลาดรัสเซียทำยอดขายได้เพียง 1.9 % ของยอดจำหน่ายรถยนต์จีเอ็มทั่วโลก ลดลงจากสถิติ 2.3% ในปี 2013