เอเจนซีส์ - นายกฯ จีนประกาศในวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) ว่าจะปกป้องพลเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตน “อย่างเด็ดเดี่ยว” พร้อมเรียกร้องพม่าให้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ทางการหม่องโบ้ยว่า เหตุเครื่องบินทิ้งระเบิดลงไปในพื้นที่ของจีนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนเมื่อวันศุกร์ (13) เป็นฝีมือกลุ่มกบฏ และให้คำมั่นร่วมมือสอบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จีนได้ส่งเครื่องบินขับไล่ออกลาดตระเวนแนวชายแดน บริเวณที่มีระเบิดตกใส่ไร่อ้อยในพื้นที่เมืองหลินซาน มณฑลยูนนาน ซึ่งนอกจากทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 8 คน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปักกิ่งออกมาเตือนว่า เหตุการณ์รุนแรงใกล้แนวชายแดน จากการต่อสู้ระหว่างกองทัพรัฐบาลพม่า กับชนกลุ่มน้อยในเขตโกกัง รัฐชาน ที่อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า
นอกเหนือจากฝ่ายทหารของแดนมังกรแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ (15) ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเต็มคณะของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ เขาได้ตอบคำถามเรื่องนี้โดยแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
พร้อมกันนั้น หลี่ย้ำว้า “เรามีความรับผิดชอบและมีสมรรถนะในการพิทักษ์ปกป้องความมั่นคงและเสถียรภาพตามแนวพรมแดนจีน-พม่าอย่างแน่วแน่ และเราจะปกป้องประชาชนและทรัพย์สินของประชาชนของเราอย่างเด็ดเดี่ยว”
ทั้งนี้ สื่อมวลชนจีนรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ กองทัพอากาศของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ ออก “ติดตาม ตรวจสอบ เตือน และขับไล่” เครื่องบินทางทหารของพม่าที่เข้าใกล้ชายแดน
นอกจากนั้น สำนักข่าวซินหวาบอกว่า ฟ่าน ฉางหลง รองประธานของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับบัญชาสั่งการเหล่าทัพต่างๆ ของจีน ได้แถลงว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศพม่า บินข้ามพรมแดนเข้าสู่จีน “หลายครั้ง” ในช่วงที่ผ่านมา ฟ่านยังแจ้งไปยังผู้บัญชาการกองทัพพม่าว่า ปักกิ่งจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีก พร้อมเรียกร้องให้พม่าตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจัง นำตัวผู้รับผิดชอบมาลงโทษ และกล่าวคำขอโทษต่อครอบครัวเหยื่อ
นอกจากนั้น หลิว เจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจีน ยังเรียก ติ๊ดหลินออน เอกอัครราชทูตพม่าประจำปักกิ่ง เข้าพบเพื่อแสดงการประท้วงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ เดือนที่แล้วพม่าประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่เขตโกกัง เพื่อรับมือความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และทำให้ ล็อกไก ซึ่งเป็นเมืองเอกของโกกังและเป็นศูนย์กลางการต่อสู้ เกือบกลายเป็นเมืองร้าง ชาวบ้านกว่า 30,000 คนหนีข้ามแดนไปยังยูนนาน
ทางด้านสำนักประธานาธิบดีพม่าได้ออกคำแถลง แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้พม่าเผชิญหน้ากับจีน อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มกบฏในพม่าไม่มีเครื่องบิน
คำแถลงดังกล่าวยังให้คำมั่นร่วมมือกับปักกิ่งอย่างเต็มที่เพื่อสืบสวนเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นทดสอบสำคัญต่อสัมพันธภาพสองประเทศที่เริ่มเหินห่างกัน นับจากที่พม่าปันใจไปคบค้ากับอเมริกามากขึ้นในระยะหลัง
เจ้าหน้าที่พม่าที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัว ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีโดยอ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์และระบบจีพีเอสเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เครื่องบินทหารของพม่าไม่ได้รุกล้ำเข้าสู่ดินแดนจีน และว่า ย่างกุ้งต้องการตรวจสอบเศษวัตถุระเบิดที่พบในจีน
ก่อนหน้านี้ ทางการพม่าระบุว่า ทหารรับจ้างจีนร่วมต่อสู้กับกบฏ และเรียกร้องให้ปักกิ่งร่วมมือเพื่อป้องกัน “การโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย” จากดินแดนจีน เจ้าหน้าที่พม่าบางคนยังระบุว่า อดีตทหารจีนช่วยฝึกให้กบฏ ทว่า กลุ่มกบฏปฏิเสธข้อหานี้
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฏในพม่า และปฏิเสธว่าไม่มีการโจมตีพม่าที่ข้ามไปจากฝั่งจีน พร้อมสำทับว่า จีนเคารพในอธิปไตยของพม่า
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏที่ถูกพาดพิงถึงคือกลุ่มกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาร์ (MNDAA) ที่นำโดยผู้บัญชาการที่เป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีน เผิง เจี่ยเส็ง
กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นจากเศษซากของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน และต่อสู้กับรัฐบาลพม่าจนกระทั่งพรรคแตกในปี 1989
MNDAA ทำข้อตกลงหยุดยิงกับย่างกุ้งที่มีผลจนถึงปี 2009 เมื่อกองทัพรัฐบาลเข้ายึดดินแดนของกลุ่มนี้อันนำไปสู่ความขัดแย้งที่ทำให้ชาวบ้านหลายหมื่นคนต้องลี้ภัยไปยังยูนนาน