รอยเตอร์ – รัฐบาลโมร็อกโกเรียกทูตประจำไนจีเรียกลับประเทศ หลังกรุงอาบูจาออกมาให้ข่าวว่าประธานาธิบดี กู๊ดลัก โจนาธาน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งโมร็อกโก ซึ่งกรุงราบัตปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และมองว่าประมุขของตนกำลังตกเป็น “เครื่องมือหาเสียง”ของผู้นำไนจีเรียก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายเดือนนี้
สำนักพระราชวังโมร็อกโกแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สมเด็จพระราชาธิบดีทรงปฏิเสธที่จะพูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดี กู๊ดลัก โจนาธาน แต่กระทรวงการต่างประเทศไนจีเรียกลับออกมาให้ข่าวเมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.)ว่า ผู้นำทั้งสองสนทนากันอย่างออกรส
ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีไนจีเรียซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม จะเป็นการชิงดำระหว่าง โจนาธาน ซึ่งเป็นชาวคริสต์จากภาคใต้ กับ มูฮัมมาดู บูฮารี อดีตนายพลชาวมุสลิมจากภาคเหนือ ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นศึกชิงเก้าอี้ผู้นำประเทศที่ดุเดือดที่สุดนับตั้งแต่ระบอบเผด็จการทหารสิ้นสุดลงในปี 1999
ประชากรไนจีเรียแบ่งออกเป็นชาวคริสต์และมุสลิมในสัดส่วนพอๆ กัน ซึ่ง 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่าง พีเพิลส์ เดโมเครติก ปาร์ตี และ ออล โปรเกรสซีฟ คองเกรส ต่างก็พยายามใช้ศาสนามาดึงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายตนเอง
“รัฐบาลโมร็อกโกขอยืนยันด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและชัดเจนที่สุดว่า ไม่เคยมีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมหมัดที่ 6 และประธานาธิบดีของไนจีเรีย” กระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกแถลง โดยให้เหตุผลในการปฏิเสธบทสนทนาครั้งนี้ว่าเป็นเพราะ “จุดยืนก้าวร้าวและไม่เป็นมิตรของรัฐบาลไนจีเรียที่มีต่อปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดนแถบทะเลทรายซาฮาราของโมร็อกโก รวมถึงอุดมการณ์ของชาวอาหรับมุสลิม”
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไนจีเรียออกมาตอบโต้ทันทีว่า “ที่รัฐบาลโมร็อกโกกล่าวหาว่าประธานาธิบดีโทรศัพท์ไปสนทนากับกษัตริย์ของพวกเขาเพราะหวังผลประโยชน์ในการเลือกตั้ง เป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี”
ไนจีเรีย แอลจีเรีย และแอฟริกาใต้ ให้การสนับสนุนขบวนการเรียกร้องเอกราชโปลิซาริโอ (Polisario Front) ซึ่งต่อสู้กับรัฐบาลโมร็อกโกในพื้นที่ตะวันตกของทะเลทรายซาฮารา