xs
xsm
sm
md
lg

ผลสำรวจชี้ 50% ของชาวต่างชาติในยูเออี มีแผน “ย้ายออกจากประเทศ” เพราะรับไม่ไหวกับ “ค่าครองชีพ” พุ่งสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลการศึกษาล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (9 มี.ค.) ชี้ราวครึ่งหนึ่งของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังมองหาลู่ทางย้ายออกจากรัฐอาหรับแห่งนี้ เพราะรับไม่ไหวกับ “ค่าครองชีพ” ที่พุ่งสูง

ผลการสำรวจล่าสุดโดย “ยูกอฟ” ที่มีการเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ “เดอะ เนชันแนล” พบข้อมูลว่า ราว 42 เปอร์เซ็นต์ของชาวต่างชาติที่ทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการ “ปรับขึ้นเงินเดือน” อย่างสำคัญตลอดหลายปีมานี้ แต่ทว่า 50เปอร์เซ็นต์ของชาวต่างชาติในยูเออีกำลังมองหาลู่ทางในการโยกย้ายไปหางานทำในประเทศอื่นแทนเนื่องจากเงินเดือนที่ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นของพวกเขายัง “ไม่เพียงพอ” เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงลิ่วของรัฐอาหรับแห่งนี้

อลาเอ็ดดีน กาซูอานี ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของยูกอฟเผยว่า แรงดึงดูดเรื่องเงินและการเก็บออมสำหรับอนาคต เคยเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ชาวต่างชาติตัดสินใจเดินทางเข้ามาในยูเออี แต่ทว่าค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังผลักดันให้ชาวต่างชาติจำนวนมากมีความคิดที่จะ “โบกมือลา” จากประเทศนี้

ผลการสำรวจระบุว่า 56 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นชาวต่างชาติจำนวน 1,104 คนในยูเออีลงความเห็นว่า “ค่าเช่า” ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของพวกเขามากที่สุด

ส่วนกลุ่มตัวอย่างราว 15 เปอร์เซ็นต์ชี้ว่า “การไม่เหลือเงินสำหรับเก็บออม” เป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องการย้ายออกไปจากประเทศนี้ ขณะที่อีก 13 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรถือเป็นปัญหาใหญ่

ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดโดยยูกอฟยังพบว่า กว่า 25 เปอร์เซ็นต์หรือ 1 ใน 4 ของชาวต่างชาติที่มีงานทำในยูเออีขณะนี้ “ไม่มีเงินเก็บ” เนื่องจากรายได้ของพวกเขาในแต่ละเดือนหมดไปกับค่าครองชีพที่สูง ขณะที่อีก 30 เปอร์เซ็นต์ของชาวต่างชาติในยูเออีระบุว่า พวกเขาสามารเก็บออมได้เพียง 1-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นของรายได้ในแต่ละเดือน






กำลังโหลดความคิดเห็น