เอเอฟพี/เอพี - น้ำมันตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์ หลังพบอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่ ปัจจัยนี้กระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและฉูดให้วอลล์สตรีทขยับลง ส่วนทองคำปิดบวกพอสมควร ด้วยพบความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.05 ดอลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันของทั้ง 2 สัญญาพุ่งขึ้นแรงเมื่อวันพุธ (25 ก.พ.) หลังนักลงทุนให้ความสำคัญโดยเฉพาะกับการลดลงเกินคาดหมายของคลังเบนซินและน้ำมันกลั่นสำรอง ที่ประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ในรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์ที่อ่อนแอท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง ขณะที่ในส่วนของคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เองก็เพิ่มขึ้นถึง 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ความเคลื่อนไหวในแดนลบของราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลายเป็นปัจจัยให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ปิดลบ โดยดาวโจนส์ ปรับลงมาต่ำกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาลเล็กน้อย
ดาวโจนส์ ลดลง 10.15 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,214.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.12 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,110.74 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 20.75 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,987.89 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักกว่าภาคอื่นๆ ของตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงหนักอีกครั้ง โดยเชฟรอน และเอ็กซอนโมบิล เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีการปิดลบแรงที่สุด
ด้านราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) ขยับขึ้นพอสมควร แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ได้แรงหนุนจากสัญญาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในจีน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 8.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,210.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ตัวเลขนำเข้าทองคำจากฮ่องกงของจีน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อุปสงค์โลหะมีค่าสีเหลืองของแดนมังกร เพิ่มขึ้นสู่ 71.8 เมตริกตัน ในเดือนมกราคม จากระดับ 58.8 เมตริกตันในเดือนธันวาคม