xs
xsm
sm
md
lg

ชี้โสมแดงเลี่ยงคว่ำบาตร “ขนอาวุธ” ได้เพราะเปลี่ยนชื่อเรือ - ตั้ง บ.ปลอมใน 9 ประเทศ มีไทยด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - เกาหลีเหนือสามารถหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศใช้กับบริษัทเดินเรือเจ้าใหญ่ได้สำเร็จ ด้วยการเปลี่ยนชื่อ และแปลงสัญชาติเรือซึ่งยังคงใช้ประกอบกิจการดังเดิม รายงานของยูเอ็นเปิดเผยวานนี้ (25 ก.พ.)

นอกจากนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญชุดหนึ่งได้แจ้งให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทราบว่า นักการทูต เจ้าหน้าที่ และผู้แทนด้านการค้าจากเกาหลีเหนือ กำลังมีบทบาทสำคัญในการค้าอาวุธและยุทโธปกรณ์จำพวกขีปนาวุธ ซึ่งนับเป็นการปฏิบัติอันขัดต่อมติขององค์การสหประชาชาติ

คณะมนตรีสหประชาชาติได้ขึ้นบัญชีดำบริษัท “โอเชียน มาริไทม์ แมเนจเมนต์” (OMM) เมื่อเดือนกรกฎาคม ฐานพยายามขนอาวุธจากคิวบาไปส่งเกาหลีเหนือ

“จนตอนนี้ ในหมู่เรือทั้งหมด 14 ลำที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ OMM มีเรือถูกเปลี่ยนชื่อ และถูกโอนความเป็นเจ้าของให้แก่บริษัทเจ้าของเรืออื่นๆ แล้วถึง 13 ลำ... ขณะที่มีการโอนอำนาจในการบริหารกิจการเรือไปให้แก่บริษัทเจ้าใหญ่ 2 แห่งด้วยกัน” ทั้งนี้ตามรายงานที่เอเอฟพีได้รับ

“ดูเหมือนว่า เกาหลีเหนือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกชาติสมาชิก (คณะมนตรีความมั่นคง) ยึดทรัพย์”

เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 เจ้าหน้าที่ได้เข้าสกัดเรือขนสินค้าของบริษัท “ชองชอนกัง” ของเกาหลีเหนือได้ในคลองปานามา ระหว่างกำลังลอบขนอาวุธ เช่น ขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศพร้อมเครื่องยิง โดยได้ซุกซ่อนยุทธภัณฑ์เหล่านี้ไว้ไต้น้ำตาล 200,000 กระสอบ

รายงานฉบับดังกล่าวชี้ว่า ถึงแม้จะถูกยูเอ็นคว่ำบาตรแต่ OMM ก็ยังสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่นในอย่างน้อย 10 ประเทศ ด้วยการเปิดบริษัทปลอมบังหน้า รวมทั้งอาศัยนายหน้าในบราซิล จีน อียิปต์ กรีซ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เปรู สิงคโปร์ ไม่เว้นแม้แต่ไทย

คณะมนตรีความมั่นคงได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรมากมายกับเกาหลีเหนือ จากการที่ประเทศนี้ดำเนินโครงการนิวเคลียร์ และยิงทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่รายงานฉบับนี้ก็ยังพบว่า เปียงยางยังพยายามสั่งซื้อสินค้าที่ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรการลงโทษเหล่านั้น

“ผลการสืบสวนของคณะผู้เชี่ยวชาญเผยให้เห็นว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลียังคงพยายามจัดหา หรือขนส่งสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ”

คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้ได้ตรวจสอบบทบาทของสำนักงานข่าวกรองกลางเกาหลีเหนือว่า หน่วยงานนี้ได้ให้ความช่วยเหลือในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้ระบุถึงกรณีการจับกุมเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ณ ท่าอากาศยานแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ขณะที่เขากำลังขนเงินสด 450,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นการทำธุรกรรมซื้อขายอาวุธ

เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ทางการฝรั่งเศสสั่งให้ยึดทรัพย์เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือสองคน ฐานต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันในการทำธุรกรรมการเงินผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกจับได้ มีฉากหน้าเป็นลูกจ้างขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ส่วนคนที่สองเป็นเจ้าหน้าที่ต่างชาติของโครงการอาหารโลก (WFP) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงโรม อิตาลี โดยทั้งสองหน่วยงานเป็นองค์การชำนาญการขององค์การสหประชาชาติ




กำลังโหลดความคิดเห็น