เอเจนซีส์ – หลังจากอังกฤษและนานาชาติออกตามตัว ชามีมา เบกุม( Shamima Begum) วัย 15 ปี คอดีซา สุลตานา (Kadiza Sultana) วัย 16 ปี และอามีรา อาเบซ (Amira Abase) อายุ 15 ปี นักเรียนหญิงจากโรงเรียนเบธนาล กรีน อคาเดมี (Bethnal Green Academy) ทางกรุงลอนดอนตะวันออกที่ได้หายตัวออกจากบ้านอย่างลึกลับโดยไม่ขออนุญาตผู้ปกครองเพื่อเดินทางไปร่วมกับกลุ่มติดอาวุธ IS และแต่งงานกับสมาชิกติดอาวุธ ล่าสุดเดลี เทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (21) ว่า แหล่งข่าวกรองตุรกีพบว่า นักเรียนหญิงอังกฤษทั้ง 3 คน ข้ามพรมแดนตุรกีเข้าไปซีเรียแล้ว
เทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานในวันเสาร์ (21) ถึงความคืบหน้าล่าสุดในการตามตัว 3 นักเรียนหญิงมุสลิมอังกฤษจากโรงเรียนเบธนาล กรีน อคาเดมี (Bethnal Green Academy) ทางกรุงลอนดอนตะวันออก ตัว ชามีมา เบกุม (Shamima Begum) วัย 15 ปี คอดีซา สุลตานา (Kadiza Sultana) วัย 16 ปีและอามีรา อาเบซ (Amira Abase) อายุ 15 ปี ได้เดินทางข้ามพรมแดนตุรกีเข้าไปยังซีเรีย ยังเมืองทาล อับยาด (Tal Abyad) ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธ IS ในซีเรียแล้วในวันศุกร์ (20) ทางรถ
ทั้งนี้แหล่งข่าวกรองตุรกีได้เปิดเผยต่อ เดลี เทเลกราฟว่า “เด็กนักเรียนหญิงมุสลิมอังกฤษทั้ง 3 คนถูกพบเห็นที่เมืองทาล อับยาด ในวันศุกร์ (20) โดยพบว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านี้เดินทางไปพร้อมกับชายชาวซีเรียคนหนึ่งในรถส่วนตัว และนอกจากนี้ยังพบว่าเด็กนักเรียนหญิงชาวอังกฤษใช้บัตรแสดงตัวของพลเมืองซีเรียในการแสดงตน” แหล่งข่าวเผย
และเสริมต่อว่า “จากการที่เราเข้าใจ หลังจากเด็กนักเรียนหญิงอังกฤษทั้ง 3 เดินทางมาถึงอิสตันบูล พวกเขาได้พบกับสมาชิก IS ซึ่งทำทำหน้าที่ดูแลชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าร่วมขบวนการรอคอยอยู่” ทั้งนี้การข่าวตุรกีชี้ว่า เด็กนักเรียนหญิงทั้งหมดจากโรงเรียนเบธนาล กรีน อคาเดมี ได้พักอยู่ในอิสตันบูลเป็นเวลา 2 วันก่อนที่จะเดินทางไปยังพรมแดน และแหล่งข่าว IS อิสตันบูลก่อนหน้านี้เผยว่า ในไม่ช้าเด็กนักเรียนหญิงชาวอังกฤษทั้ง 3 จะเข้าบรรจุเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกกลุ่มติดอาวุธหลายร้อยคนที่อยู่ในซีเรีย ซึ่ง IS ออกแคมเปญจ์ก่อการร้ายข่มขู่คนในพื้นที่และชาติตะวันตกเป้าหมาย
นอกจากนี้แหล่งข่าว IS ชี้ว่า “แต่แรกคนทั้ง 3 คนพักอยู่ในอิสตันบูล และพยายามเดินทางไปเข้าไปยังเมืองชายขอบตุรกีเพื่อข้ามไปยังซีเรีย โดยมีผู้ประสานงานคนหนึ่งอยู่กับพวกเธอตลอดเวลาซึ่งเป็นพวกลักลอบนำคนข้ามพรมแดน เพราะเด็กมุสลิมอังกฤษเหล่านี้ข้ามแดนเข้าไปยังซีเรียด้วยตนเองไม่ได้”
ทั้งนี้สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งเบกุม สุลตานา และอาเบซ ได้ชื่อว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง ได้หลบหนีออกจากบ้านพวกเธอในทาวเวอร์ แฮมเล็ตส์ (Tower Hamlets) เมื่อเวลา 20.00 น. ในวันอังคารที่ผ่านมา (17) และทั้งหมดเดินทางเป็นหมู่คณะไปยังท่าอากาศยานแกตวิกเพื่อบินไปยังอิสตันบูลด้วยสายการบินตุรกีแอร์ไลน์ส์ และเดินทางถึงจุดหมายในเวลา 18.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งพบว่าเบกุมใช้พาสปอร์ตของอากลิมา (Aklima) พี่สาววัย 17 ปีในการเดินทางเข้าไปยังตุรกี โดยริชาร์ด วอลตัน (Richard Walton) ผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านก่อการร้ายอังกฤษ (MET) ยอมรับว่า ทางหน่วยไม่ได้รับการเตือนถึงการเดินทางของเด็กหญิงเหล่านี้ล่วงหน้า ซึ่งหากพบว่ามีการเตือน ทางหน่วยงานอาจสามารถเข้าขัดขวางทำให้เด็กเหล่านี้ไม่สามารถบินออกนอกประเทศไปได้ และส่งผลทำให้สมาชิกรัฐสภาอังกฤษต่างเรียกร้องให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอังกฤษมีมาตรการที่เข้มงวดมากกว่านี้ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เยาวชนอังกฤษสามารถเดินทางออกนอกประเทศตามลำพังเพื่อไปยังภูมิภาคที่กลุ่มติดอาวุธ IS ออกปฎิบัติการ
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญต่อต้านก่อการร้ายอังกฤษยังประเมินว่า มีสตรีชาวอังกฤษอายุน้อย และหญิงวัยรุ่นอังกฤษที่นับถือศาสนาอิสลามร่วม 50 รายออกเดินทางจากอังกฤษไปยังซีเรียเพื่อร่วมกับกลุ่มติดอาวุธ IS
เดลี เทเลกราฟ ยังชี้เพิ่มเติมว่า ภายหลังมีการพบว่าทั้งเบกุม สุลตานา และอาเบซ นั้นสนิทกับนักเรียนหญิงคนหนึ่งจากโรงเรียนเดียวกันที่ได้บินไปยังซีเรียเพื่อร่วมกับกลุ่ม IS ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้านรูชานารา อาลี (Rushanara Ali) สมาชิกผู้แทนราษฎรอังกฤษเขตเบธนาล กรีน และโบว์ (Bethnal Green and Bow) ให้ความเห็นว่า “เราต้องการให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณาถึงข้อตกลงร่วมการควบคุมพรมแดนว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ที่ผู้เยาว์จะเดินทางข้ามแดนตามลำพังไปยังเส้นทางเหล่านั้นโดยไม่มีผู้ใหญ่เดินทางไปด้วย”
และยังพบว่า ตำรวจอังกฤษได้สอบปากคำเด็กนักเรียนหญิงทั้ง 3 เมื่อพบว่าเพื่อนของพวกเธอเดินทางไปร่วมกับกลุ่ม IS แต่กระนั้นเด็กทั้งสามคนไม่ได้ถูกจับตาโดยหน่วยงาน MET แต่อย่างใด เพราะในขณะนั้นเชื่อว่าคนทั้งหมดไม่ถือเป็นภัยต่ออังกฤษ นอกจากนี้ยังพบว่า พี่สาวของหนึ่งในสามได้เดินทางไปยังมัสยิดอีสต์ลอนดอนเนื่องจากเป็นห่วงในพฤติกรรมของน้องสาว ซึ่งซาลมาน ฟาร์ซี (Salman Farsi) โฆษกประจำมัสยิดอีสต์ลอนดอนให้สัมภาษณ์ว่า “ทางมัสยิดได้บอกกับเธอไปว่า หากเธอต้องการให้ทางเราช่วยเหลือสิ่งใด โปรดบอกมา แต่ทว่าสิ่งที่เธอต้องการจากทางมัสยิดคือ การสวดภาวนา และเธอเริ่มร้องไห้ เพราะสถานที่นี้ทำให้เธอรู้สึกเสมือนอยู่ที่บ้าน” และฟาร์ซียืนยันว่า ทางมัสยิดไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ชักจูงเด็กนักเรียนหญิงเหล่านี้ แต่เชื่อได้ว่าเด็กสาวเหล่านี้ถูกล้างสมองอย่างแน่นอน และผู้มาสวดภาวนาที่มัสยิดแห่งนี้ได้ถูกขอร้องให้เข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจอังกฤษเพื่อประโยชน์ในการตามหาเด็กทั้งสาม
ด้านครอบครัวสุลตานาเปิดแถลงถึงความรู้สึกว่า “เหมือนหัวใจสลาย และเป็นห่วงความปลอดภัยของคอดีซาเป็นอย่างมาก” และเสริมว่า “ทางครอบครัวได้สวดภาวนาให้เธอและเพื่อนทั้งหมดเดินทางกลับบ้านที่อังกฤษโดยสวัสดิภาพ”
เดลี เทเลกราฟรายงานว่า เป็นที่เข้าใจว่าได้มีการระดมพลหน่วยข่าวกรองตุรกีเพื่อตามหาเด็กนักเรียนหญิงทั้งสามในอิสตันบูล ร่วมกับตำรวจท้องถิ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากตำรวจอังกฤษและหน่วยงานความมั่นคงอังกฤษ แต่งานตามหาของพวกเขาทำได้ยากมากขึ้นเมื่อเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธ IS ได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการซ่อนตัวเด็กเหล่านั้นไว้จนกระทั่งสบโอกาสสามารถอพยพคนทั้งหมดไปยังพรมแดนตุรกีเพื่อข้ามแดนเข้าไปซีเรียได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่า มีสิ่งจูงใจใดทำให้เด็กนักเรียนเกรดเอเหล่านี้จึงมีความคิดสุดโต่งถึงขั้นกล้าบินเดี่ยวไปยังซีเรียตามลำพัง ทว่าในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พบว่า เบกุมได้ใช้ทวิตเตอร์เพื่อติดต่อกับ อักซอ มาห์มูด (Aqsa Mahmood) วัย 20 ปี หญิงจากกลาสโกว์ ที่ได้เดินทางไปร่วมกับกลุ่ม IS และได้สมรสกับหนึ่งในสมาชิกนักรบญิฮาด ซึ่งมาห์มูดได้เขียนบล็อกและได้เร่งเร้าเชิญชวนให้เยาวชนมุสลิมหญิงอังกฤษเข้าร่วมกับเธอที่ซีเรีย
และในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคาดกันว่า ตำรวจอังกฤษจะเดินทางไปยังโรงเรียน เบธนาล กรีน อคาเดมีเพื่อค้นหาแรงจูงใจของเด็กนักเรียนหญิงเหล่านี้ รวมไปถึงร่องรอยต่างๆ เพื่อที่จะหาทางหยุดยั้งนักเรียนรายอื่นที่อาจมีความประสงค์เดินทางไปร่วมกับทางกลุ่มติดอาวุธ IS ในอนาคต ในขณะที่ทางโรงเรียนแห่งนี้กล่าวว่า “คาดหวังว่านักเรียนจะเป็นพลเมืองที่ตื่นตัว และอุทิศตัวต่อชุมชน สังคม ประเทศชาติ และประชาคมโลก” และดูเหมือนว่า ทางโรงเรียนเบธนาล กรีน อคาเดมีมีแผนที่จะทบทวนมาตรการจากที่เคยมีอยู่แล้วเพื่อสู้กับแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งสอดคล้องกับที่ เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องการให้โรงเรียนมีบทบาทในการต่อต้านก่อการร้าย