เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย กำลังกลายเป็นที่จับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังมีฝ่ายค้านถูกปราบปรามอย่างรุนแรง และกองทุนโครงการพัฒนาด้านยุทธศาสตร์ประสบปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งยังเกิดความคลางแคลงสงสัยถึงวิธีการได้มาซึ่งทรัพย์สินของคนในครอบครัวราซัค หรือแม้กระทั่งพวกอนุรักษนิยมในพรรครัฐบาลเองก็ยังอดกังขาในสภาวะความเป็นผู้นำของ นาจิบ ไม่ได้
นายกรัฐมนตรี นาจิบ วัย 61 ปี ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำของรัฐบาลที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน เมื่อปี 2009 จากการให้คำมั่นว่าจะบรรเทาความตึงเครียด ที่มีชนวนเหตุมาจากความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในมาเลเซีย พร้อมทั้งชูนโยบายสนับสนุนประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม เขาถูกพวกหัวก้าวหน้าโจมตีว่า ไม่ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ และยังถูกพวกแนวทางแข็งกร้าวภายในพรรครัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็น 1MD บริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาว ซึ่งเชื่อกันว่าตอนนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤต
วาน ไซฟุล วาน จาน ประธานสถาบันวิจัย IDEAS ของมาเลเซียชี้ว่า “ผู้คนเริ่มเกิดข้อสงสัยว่า เขาเป็นผู้นำที่สามารถจัดการกับปัญหาของมาเลเซียได้หรือไม่”
นอกจากนี้ แดนเสือเหลืองยังถูกนานาประเทศรุมวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลมาเลเซียตัดสินจำคุก อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้านมาเลเซียเป็นเวลา 5 ปี ในความผิดฐานร่วมเพศทางทวารหนัก ซึ่งเป็นคดีที่ถูกมองว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง อีกทั้งเป็นครั้งล่าสุดที่คู่แข่งของนาจิบ ถูกกำจัดไปให้พ้นทาง
ในขณะเดียวกัน สื่อกัวลาลัมเปอร์รายงานว่า 1MDB ได้ผิดนัดชำระหนี้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังยังเกิดการตั้งคำถามถึงยอดเงินค้างชำระที่แท้จริง
ทางด้าน 1MDB ได้ออกมาตอบโต้ว่า เพิ่งชำระหนี้งวดล่าสุด 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังมีรายงานว่า มหาเศรษฐีพันล้านชาวมาเลเซียคนยื่นมือเข้ามาช่วยสะสางหนี้
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นิวยอร์กไทม์ส ได้เปิดโปงรายงานที่สาธยายว่า หลอ เทก โจห์ นักการเงินซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดกับครอบครัวของนาจิบ และรายงานข่าวหลายฉบับชี้ว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ 1MDB ได้ทุ่มเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์สุดหรูมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในแดนอินทรี
สื่ออเมริกันยังชี้ด้วยว่า เอกสารดังกล่าวเผยให้เห็นว่า รอสมาห์ มันซอร์ ภริยาของนาจิบซึ่งมักถูกค่อนขอดอย่างหนาหูว่ามีรสนิยมหรูหรา ได้ควักเงินซื้ออัญมณีหลายล้านดอลลาร์เช่นกัน
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีนาจิบ ระบุในคำแถลงที่ส่งถึงเอเอฟพีว่า รายงานดังกล่าวตั้งข้อกล่าวหาผู้นำมาเลเซียโดยไม่มีมูลความจริง และ “นายกรัฐมนตรีและครอบครัวไม่เคยยักยอกเงินจากกองทุน 1MDB ไปใช้จ่ายส่วนตัว”
ทางด้าน 1MDB ได้ออกตำแถลงอีกฉบับหนึ่ง เพื่อชี้แจงว่าทางบริษัทไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ทั้งยังปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลอ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านมาเลเซีย และนักวิจารณ์รัฐบาลคนอื่นๆ ซึ่งกล่าวหาว่า รัฐบาลแดนเสือเหลืองมีพฤติกรรมทุจริตฉ้อโกงอย่างกว้างขวางมานานหลายสิบปี ได้เรียกร้องให้ นาจิบ ชี้แจงที่มาของทรัพย์สินในครอบครอง และเปิดทางให้องค์กรอิสระเข้าตรวจสอบบัญชีของ 1 MDB
ทว่า รัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ยังไม่ได้ออกมาตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว
กระแสหวั่นวิตกว่าอาจมีการยุบทิ้งกองทุน 1MDB จนส่งผลกระทบกระเทือนต่อระบบการเงินการคลังของมาเลเซียได้ฉุดให้เกิดความกังวลถึงเศรษฐกิจในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันแห่งนี้
ราคาน้ำมันที่กำลังดิ่งลงได้ฉุดให้ค่าเงินริงกิตร่วงแรงที่สุดในรอบ 6 ปี ทั้งยังเป็นที่คาดหมายว่า จะส่งผลให้เศรษฐกิจมาเลเซียปีนี้หดตัว ขณะที่รัฐบาลแดนเสือเหลืองกำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อควบคุมปัญหาการขาดดุลงบประมาณ
แกนนำในการคัดค้านโครงการ 1MDB คือ มหาเธร์ โมฮาหมัด ผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงปี 1981 ถึง 2003 และยังคงถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลในการแวดวงเมืองมาเลเซียในวัย 89 ปี
ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลยิ่งสำหรับ นายกรัฐมนตรี นาจิบ เมื่อพิจารณาว่า ในอดีตมหาเธร์เคยวางแผนขับนายกรัฐมนตรีที่เขาเลือกขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งด้วยตัวเอง เพื่อแต่งตั้งนาจิบขึ้นมาแทน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาเธร์ ระบุในบล็อกที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางของตนว่า มาเลเซียเป็นประเทศที่มีบางอย่างเน่าเปื่อยอยู่ข้างใน ต่อมาในเมื่อวันพฤหัสบดี (12) เขาก็แนะว่า นาจิบควรก้าวลงจากตำแหน่ง
เขาชี้ว่า “ตอนนี้ประเทศกำลังถูกปัญหามากมายรุมเร้า แต่รัฐบาลไม่ยอมรับ พวกเขาไม่อยากยอมรับความจริง”
ผู้สังเกตการณ์ด้านการเมืองระบุว่า กระแสกดดันที่นาจิบกำลังได้รับในตอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้แย่งชิงอิทธิพล และผลประโยชน์ภายในพรรครัฐบาล อัมโน (United Malays National Organisation) ซึ่งพยายามใช้นาจิบต่อสู้กับแรงผลักดันของพวกหัวเอียงขวา ที่ต้องการให้มาเลเซียมีความเป็นชาตินิยมมากขึ้น