xs
xsm
sm
md
lg

มหาเศรษฐีอิตาลีเจ้าของช็อกโกแลต “เฟอร์เรโร รอชเชอร์” ถึงแก่กรรมในวันแห่งความรัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

มิเกเล แฟร์เรโร นักธุรกิจชาวอิตาลีเจ้าของผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต “นูเทลลา” และ “เฟอร์เรโร รอชเชอร์”
เอเอฟพี - มิเกเล แฟร์เรโร มหาเศรษฐีซึ่งขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดของอิตาลี ด้วยการครอบครองอาณาจักรขนมหวาน ซึ่งรวมทั้งผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต “นูเทลลา” และ “เฟอร์เรโร รอชเชอร์” ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ได้อำลาโลกแล้ววานนี้ (14 ก.พ.) ด้วยวัย 89 ปี

ประธานาธิบดี แซร์โจ มัตตาเรลลา แห่งอิตาลี ระบุในคำแถลงว่า “ผมรู้สึกได้ว่า มิเกเล แฟร์เรโร ผู้จากไปนั้นมีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง เขาเป็นที่รักของชาวอิตาเลียน และชาวต่างชาติ”

“แฟร์เรโรเป็นแสงนำทางของธุรกิจในอิตาลีมานานหลายปี กิจการของเขาตามทันยุคสมัยอยู่เสมอ เพราะเขาไม่เคยหยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำงานอย่างมุมานะ และรอบคอบ เขาจะอยู่ในความทรงจำอันน่าซาบซึ้งของชาวอิตาลี”

บิดาของเฟร์เรโร ซึ่งเป็นพ่อครัวขนมอบชื่อ ปิเอโตร แฟร์เรโร คือผู้คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ทาขนมปัง “นูเทลลา” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการผสมผสานเฮเซลนัทลงไปเพื่อลดต้นทุนค่าช็อกโกแลต

อย่างไรก็ตาม มิเกเล แฟร์เรโร เป็นผู้ที่ทำให้ซอสช็อกโกแลตของพ่อกลายเป็น “นูเทลลา” ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้

ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตผสมเฮเซลนัทรสชาติเย้ายวนใจกระปุกแรก ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองอัลบา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแดนมะกะโรนี เมื่อเดือนเมษายน ปี 1964

ตอนนี้ โรงงานแฟร์เรโร 11 แห่งทั่วโลกผลิตนูเทลลาออกมาปีละประมาณ 365,000 กระปุก โดยตลาดใหญ่สุดที่รองรับสินค้าชนิดนี้คือเยอรมนี ตามมาด้วยฝรั่งเศส และอิตาลี

นอกจากนี้ กลุ่มกิจการ “แฟร์เรโรกรุ๊ป” ยังผลิตขนมช็อกโกแลต “เฟอร์เรโร รอชเชอร์” ที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระดาษห่อสีทองวาววับ รวมทั้งช็อกโกแลต “มงเชรี” และ “คินเดอร์” ตลอดจนสร้างงานให้ลูกจ้าง 22,000 คน โดยกลุ่มกิจการแห่งนี้มีผลประกอบการประจำปีสูงกว่า 8 พันล้านยูโร (ราว 2.96 แสนล้านบาท)

นิตยสารการเงินและธุรกิจ “ฟอร์บส์” ของแดนอินทรีได้ประมาณการว่า แฟร์เรโรและครอบครัว เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในอิตาลีที่ 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โจวานนี บุตรชายของแฟร์เรโร ได้ก้าวขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งประธานบริหารของแฟร์เรโรกรุ๊ป ต่อจากพี่ชายชื่อ ปิเอโตร แฟร์เรโร ซึ่งเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ขณะขี่จักรยานในแอฟริกาใต้เมื่อปี 2011



กำลังโหลดความคิดเห็น