เอเอฟพี - เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่มีพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากได้อนุมัติโครงการท่อส่งน้ำมันแคนาดา “คีสโตน XL ไปป์ไลน์” (Keystone XL pipeline) ที่อื้อฉาวด้วยเกรงจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสิ่งแวดล้อมอเมริกาด้วยมติ 270 ต่อ 152 ท้าทายประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะใช้สิทธิ์วีโต้
ด้วยมติ 70 ต่อ 152 จากสภาผุ้แทนราษฎรสหรัฐฯที่ลงในวันพุธ (11) ส่งผลให้โปรเจกต์ท่อส่งน้ำมันแคนาดา “คีสโตน XL ไปป์ไลน์” (Keystone XL pipeline) สามารถเดินหน้าเริ่มก่อสร้างได้หลังจากที่ต้องยืดเยื้อมานาน ซึ่งทางฝั่งเสียงพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการนี้จะสามารถสร้างงานให้กับคนท้องถิ่น และยังช่วยทำให้สหรัฐฯไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างชาติ แต่กลุ่มคัดค้านที่รวมไปถึงพรรคเดโมแครต และโอบามาชี้ว่าหากโครงการนี้เดินหน้าจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหนัก
ทั้งนี้ โปรเจกต์มูลต่าหลายพันล้านดอลลาร์จะลำเลียงน้ำมันดิบจากที่ได้จาก “ทรายน้ำมัน” ในแอลเบอร์ตา แคนาดา เพื่อไปกลั่นที่โรงงานกลั่นน้ำมันตั้งอยู่ใกล้อ่าวเม็กซิโก นั้นเริ่มต้นเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคโอบามาได้ใช้เวลาหลายปีเพื่อพิจารณาถึงผลได้และผลเสียของโครงการนี้ และทำให้พรรครีพับลิกันใช้จุดนี้ถากถางว่า ถือเป็นการศึกษาโครงการท่อส่งน้ำมันที่ยาวนานที่สุดในสหรัฐฯ “เพียงแค่เหตุผลเดียวที่พวกเรายังต้องนำเรื่องนี้มาถกเถียงกันอยู้หลังจากที่ใช้เวลาในการศึกษาโครงการถึง 6 ปีเต็มเป็นเพียงเพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ยอมตัดสินใจ” ประธานาคณะกรรมาธิการว่าด้วยพลังงานและการค้าประจำสภาผุ้แทนราษฎรสหรัฐฯ เฟรด อัปตัน กล่าว
ในขณะที่ ชินีย์ ลัมมิส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสายรีพับลิกันอีกคนได้ออกความเห็นถึงการใช้สิทธิวีโต้ของโอบามาว่า “เกินกว่าที่จะใช้เหตุผลในการอธิบายได้” และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทบทวนอีกครั้ง
นอกจากนี้ พบว่ามีสมาชิกพรรคเดโมแครตราว 29 คนลงคะแนนสนับสนุนผ่านร่างกฎหมาย คีสโตน XL ไปป์ไลน์ ซึ่งได้ผ่านสภาสูงสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมา แต่ทว่า เสียงลงมติในทั้งสภาสูงและสภาล่างต้องได้ถึง 2 ถึงใน 3 จึงจะสามารถยับยั้งการวีโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้
