เอเอฟพี - อดีตช่างไฟฟ้า และภรรยาผู้เก็บงานศิลปะ 271 ชิ้นของ “ปิกัสโซ” ไว้ในโรงรถมานานเกือบ 4 ทศวรรษ วานนี้ (10 ก.พ.) เดินทางไปขึ้นศาลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคดี หลังถูกกล่าวหาว่ารับของโจร
ปิแยร์ เลอ ชึนเนก ซึ่งบัดนี้มีวัย 75 ปี และเกษียณอายุแล้วระบุว่า จิตรกรเอกชื่อก้องโลก ปาโบล ปิกัสโซ และฌาคเกอลีน ผู้เป็นภรรยา คือผู้มอบภาพเขียนสีน้ำมัน ภาพวาด และภาพปะติดแนวบาศกนิยม (Cubism) ให้แก่เขาเองกับมือ เมื่อครั้งที่เขายังทำงานในคฤหาสน์หลังสุดท้าย สถานที่ซึ่ง ปิกัสโซถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 1973
อย่างไรก็ตาม ทายาทบางคนของศิลปินผู้นี้ รวมทั้ง โกลด ลูกชายของปิกัสโซ ต่างตั้งข้อสงสัยถึงวิธีการได้มาซึ่งงานศิลปะเหล่านี้ และฟ้องร้องดำเนินคดีกับทั้งคู่ จนนำไปสู่การตั้งข้อหาสองผัวเมียเมื่อปี 2011
วานนี้ (10) คดีนี้ได้ดำเนินมาสู่จุดพลิกผัน เมื่อทนายความของ โกลด ปิกัสโซ กล่าวหา เลอ ชึนเนกว่า ทำตัวเป็นฉากบังหน้าของ “คดีฟอกเงินด้วยงานศิลปะ”
*** ช่างไฟฟ้าผู้ได้รับความไว้วางใจ ***
“ปิกัสโซไว้วางใจผมอย่างที่สุด หรือบางทีผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” เลอ ชึนเนกให้การต่อศาลในเมืองกราซ ทางตะวันออกเฉียงใต้ ในวันแรกของการพิจารณาคดีนาน 3 วัน ซึ่งน่าจะเป็นคดีที่แวดวงศิลปะเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
“ทั้งนายและนายหญิงเห็นผมเป็นลูกพี่ลูกน้อง”
อดีตช่างไฟฟ้าผู้นี้กล่าวว่า วันหนึ่ง ฌาคเกอลีน ภรรยาของปิกัสโซได้มอบกล่องบรรจุงานศิลปะ 271 ชิ้นให้แก่เขา พร้อมสำทับว่า “นี่สำหรับเธอ”
เมื่อเขาเดินทางกลับไปถึงบ้านแล้วเปิดกล่องดูก็พบ “ภาพวาด ภาพร่าง กระดาษยับยู่ยี่” แต่เขาและดาเนียล ผู้เป็นภรรยาไม่ได้ตรวจดูของทุกชิ้นโดยละเอียด
ผู้พิพากษาเอ่ยถามว่า เขาไม่สะกิดใจถึงสิ่งที่ได้รับสักนิดเลยหรือ เขาก็ตอบว่า เขาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร และไม่คิดว่าเป็นของมีค่าอะไรจึงนำกล่องใบนี้ไปเก็บไว้ในโรงจอดรถ ก่อนที่จะบังเอิญพบมันเข้าอีกครั้งในปี 2009
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินทางเข้ากรุงปารีสในปีถัดมา เพื่อนำผลงานเหล่านี้ไปพิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ที่สำนักงานของปิกัสโซ ทายาทของศิลปินเอกก็ฟ้องร้องเขา
โกลด ปิกัสโซ ผู้บริหารสำนักงานดังกล่าว คือโจทก์คนหนึ่งในคดีนี้ ในขณะที่โจทก์คนอื่นๆ ยังมีดังเช่น มายา พี่สาวของโกลด หลานอีกสองคน และแคทเธอรีน อูแตง-เบล ตลอดจนลูกสาวของฌาคเกอลีน ผู้เป็นภรรยาคนสุดท้ายของปิกัสโซ
แคทเธอรีน อูแตง-เบล หลานสาวของปิกัสโซ ซึ่งเป็นโจทก์เพียงคนเดียวที่รู้จักมักคุ้นกับเลอ ชึนเนค ได้ยอมรับว่า จิตรกรเอกค่อนข้างให้ความสนิทสนมกับช่างไฟฟ้าผู้นี้เป็นพิเศษ แต่ก็ชี้ว่า ปิกัสโซไม่น่าจะยกคอลเลกชันงานศิลปะพิเศษเหล่านี้ให้แก่เขา
*** ขบวนการฟอกเงินผ่านงานศิลปะ? ***
เมื่อจำเลยถูกตั้งข้อหารับของโจร ทนายจำเลยจะไม่ต้องพิสูจน์ว่า ใครเป็นผู้โจรกรรมผลงานเหล่านี้ แต่ต้องพิสูจน์ว่า สามีภรรยาคู่นี้ทราบหรือไม่ว่า งานศิลปะในมือของพวกเขานั้นเป็นของที่ได้มาไม่ชอบ
คดีนี้ได้ดำเนินมาถึงจุดพลิกผันเมื่อ ฌ็อง-ฌาคส์ เนอเอร์ ทนายความของ โกลด ปิกัสโซ กล่าวหาเลอ ชึนเนก ว่ากำลังปกปิด “คดีใช้งานศิลปะฟอกเงิน”
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (10) เลอ ชึนเนคกล่าวว่า น้องเขยของเขาที่เปิดแกลอรีเป็นของตนเองเคยช่วยเขาทำรายการผลงานศิลปะขึ้นมาก่อนที่จะนำไปแสดงให้สำนักงานของปิกัสโซ เมื่อปี 2010
อย่างไรก็ดี เนอเอร์กล่าวหาว่า เขาไม่เคยทำรายการงานศิลปะ พร้อมกับชี้ว่าการทำรายชื่อผลงานอย่างละเอียดเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของผู้ที่มีความรู้ทางศิลปะเพียงน้อยนิด
นอกจากนั้น ก่อนเปิดฉากการพิจารณาคดี เนอเอร์ยังชี้ด้วยว่า ไม่มีงานศิลปะชิ้นใดในครอบครองของเลอ ชึนเนค ที่มีลายเซ็นของปิกัสโซ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก สำหรับศิลปินผู้ที่มักลงชื่อกำกับผลงานเสมอ ไม่ว่าเขาจะมอบหรือขายงานชิ้นนั้นก็ตาม
ฝ่าย ชาร์ลส์-เอเตียน กูแดง ทนายของสองสามีภรรยาคู่นี้ชี้ว่า มีผลงานเพียงสิบกว่าชิ้นเท่านั้นที่เป็นของมีค่ามีราคา ส่วนที่เหลือก็เป็นผลงานที่ดู “ธรรมดามากๆ” พร้อมสำทับว่า ปิกัสโซคงไม่มีทางนำผลงานแบบนี้ไปงขายให้ใครแน่นอน
เขายังระบุด้วยว่า การขโมยผลงานของปิกัสโซนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เนื่องจากศิลปินเอกผู้นี้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำอย่างน่าทึ่ง และทรัพย์สินของเขาก็ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาราวกับมีป้อมปราการ
