เอเอฟพี - ครอบครัวชาวฝรั่งเศสที่ทารกแรกเกิดสลับตัวกัน สู้คดีจนได้รับค่าชดเชยเกือบ 2 ล้านยูโรวานนี้ (10 ก.พ.) ภายหลังที่พวกเขาเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตัวเองมานานกว่า 20 ปี
ศาลเมืองกราซ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมีคำสั่งให้คลินิกในเมืองคานส์ แถบชายฝั่งโกตดาร์ซูร์ (เฟรนช์ริเวียรา) ซึ่งเป็นต้นตอของความสับสนอลหม่านครั้งนี้จ่ายค่าชดเชยเป็นเงินทั้งสิ้น 1.88 ล้านยูโร (ราว 69 ล้านบาท) น้อยกว่าจำนวนเงินที่ทั้งสองครอบครัวเรียกร้อง 6 เท่า
คลินิกแห่งนี้ถูกศาลสั่งจ่ายแก่ทารกหญิงที่ถูกสลับตัว บัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่คนละ 400,000 ยูโร และจ่ายให้แก่พ่อแม่ (รวม 3 คน) เป็นเงินคนละ 300,000 ยูโร รวมทั้งจ่ายให้พี่น้อง 3 คน อีกคนละ 60,000 ยูโร
อย่างไรก็ตาม ศาลยกฟ้องหมอ และสูติแพทย์
โซฟี เซร์ราโน คุณแม่วัย 38 ปีของเด็กคนหนึ่งกล่าวว่า เธอรู้สึกพอใจและ “โล่งอก” ที่ศาลมีคำตัดสินเช่นนี้
“ในที่สุดความผิดพลาดครั้งนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ หลังเวลาล่วงเลยไปนานหลายปี ตอนนี้ดิฉันไม่มีอะไรต้องค้างคาใจอีกแล้ว ดิฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป” เซร์ราโนให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่องอีเตเล ของฝรั่งเศส
กิลแบร์ต โกลลาร์ด ทนายความของหนึ่งในครอบครัวกล่าวว่า พวกเขา “รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลเป็นอย่างยิ่ง” และไม่มีติดใจสงสัยในการยื่นฟ้องครั้งนี้
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 1994 เมื่อโซฟี เซร์ราโน ให้กำเนิดหนูน้อยมานง ที่คลินิกแห่งหนึ่งในเมืองคานส์
มานงน้อยเกิดมาป่วยเป็นดีซ่าน หมอจึงนำเธอเข้าตู้อบใบเดียวกับทารกอีกคนหนึ่งที่เกิดมาไม่แข็งแรงเหมือนเดกัน
พยาบาลผู้ช่วยคนหนึ่งเกิดทำเด็กทั้งสองสลับกันโดยไม่ได้ตั้งใจ และแม้ว่าแม่ของหนูน้อยจะแสดงความสงสัยว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเธอทันทีทันใด เนื่องจากผมไม่เหมือนกัน แต่ทารกทั้งสองก็ยังถูกนำกลับบ้านไปอย่างผิดฝาผิดตัวแบบนั้น
สิบปีต่อมา เมื่อสามีของเซร์ราโนรู้สึกว้าวุ่นใจที่ลูกสาวไม่มีความคล้ายคลึงกับตนเองเลย เนื่องจากมีผิวสีเข้มกว่า เขาจึงพาเธอไปพิสูจน์ดีเอ็นเอ จนในที่สุดก็เรื่องราวก็เปิดเผยออกมาว่าเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงมานง
ส่วนโซฟี เซร์ราโน ก็พบว่าตัวเองไม่ใช่แม่ของมานงเช่นกัน จนกระตุ้นให้ทั้งสองพยายามสืบหาว่าครอบครัวใดนำลูกสาวบังเกิดเกล้าของเธอไป
ผลการสืบสวนชี้ว่า ในวันที่มานงลืมตาดูโลกเมื่อปี 1994 มีเด็กแรกเกิดที่ป่วยเป็นดีซ่านทั้งหมด 3 คนโดย โดยสองคนเป็นเด็กผู้หญิง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย และคลินิกเจ้าปัญหาก็มีตู้อบเพียงแค่สองตู้
เด็กหญิงทั้งสองคนจึงจำเป็นต้องนอนในตู้อบใบเดียวกัน
ช่วงเวลาที่น่ากระอักกระอ่วนใจ
ครอบครัวทั้งสองได้พบหน้าลูกแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันเป็นครั้งแรก เมื่อพวกเธออายุได้ 10 ขวบ แต่ไม่ได้มีการร้องขอให้สลับตัวเด็กคืน และต่างฝ่ายต่างไม่พบหน้ากันอีกนับตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
“เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจ” มานงบรรยายความรู้สึกของเธอ หลังเข้ารับฟังการพิจารณาคดีเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว
“คุณยืนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่เป็นแม่แท้ๆ แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าในสายตาของคุณด้วย”
เมื่อเดือนธันวาคม โซฟี เซร์ราโน กล่าวว่า “เป็นสถานการณ์ที่ยากเย็นเข็ญใจเสียเหลือเกิน เราจึงตัดสินใจเลี้ยงงลูกของอีกครอบครัวหนึ่งต่อไปเหมือนเดิม เพราะเราลำบากใจมาก”
“และนี่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่ทำให้เรารู้สึกมั่นคง”
สำนักกฎหมายซึ่งเป็นตัวแทนของคลินิกดังกล่าวยอมรับว่า จำนวนค่าเสียหายที่ทั้งสองครอบครัวเรียกร้อง กับที่ศาลสั่งนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่กระนั้นก็ยังมองว่า เงินที่ถูกสั่งให้จ่ายแก่ทั้งสองครอบครัวยังสูงอยู่ดี
ทีมทนายความของคลินิกกล่าวว่า พวกเขากำลังรอคอยให้มีรายละเอียดของคำตัดสินออกมา ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่
โซฟีระบุเมื่อเดือนธันวาคมว่า เธอหวังว่าจะชนะคดีนี้ เพื่อให้ “เราชำระล้างความรู้สึกผิด จากการละเลยไม่ได้ปกป้องลูกของเรา และไม่ได้ยืนหยัดต่อสู้ เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ” ในอดีต