เอพี/เอเอฟพี - คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงมติในวันอังคาร (10 ก.พ.) รับรองแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ ในการให้ความช่วยเหลือต่างชาติซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี และยังเป็นครั้งแรกที่มีการระบุชัดเจนว่า จะอนุญาตการสนับสนุนกองทัพต่างชาติ แม้จำกัดความช่วยเหลือเฉพาะภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหารก็ตาม ทั้งนี้เป็นไปตามแผนเพิ่มบทบาททางการทูตและความมั่นคงของแดนปลาดิบ โดยเป้าหมายสำคัญอันดับแรกจะอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันท่ามกลางอิทธิพลที่โตวันโตคืนของพญามังกร
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นซึ่งขอให้อย่าออกชื่อของเขา เนื่องจากยังไม่มีการเผยแพร่แนวทางปฏิบัติฉบับใหม่นี้อย่างเป็นทางการ ได้เปิดเผยในวันอังคาร (10) ว่า ขณะที่ญี่ปุ่นมีงบประมาณจำกัด อีกทั้งต้องใช้ความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตเป็นระยะ ดังนั้น โตเกียวควรใช้เงินช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น การวางแผนให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแก่ประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ซึ่งหลายชาติสนับสนุนการรณรงค์การล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์ของญี่ปุ่น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี สอดรับกับความพยายามของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ในการผลักดันบทบาทของญี่ปุ่นในเวทีการทูตระหว่างประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านความมั่นคงของชาติ
ทางด้านฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อพิจารณาว่า กองทัพมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการฟื้นฟูหลังความขัดแย้งและการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ ญี่ปุ่นจึงเห็นควรกำหนดนโยบายโดยพุ่งเป้าที่โครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหาร
แนวทางปฏิบัติฉบับใหม่นี้ระบุว่า นโยบายให้ความช่วยเหลือใฝ่สันติของญี่ปุ่นจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจมีการทบทวนข้อกำหนดแต่ละข้ออย่างระมัดระวัง ถึงแม้มีข้อกังวลว่า โตเกียวจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เงินสนับสนุนไม่ถูกยักย้ายไปใช้ในปฏิบัติการทางทหารก็ตาม
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประเทศที่ต่อสู้กับการก่อการร้าย เช่น การบริจาคเงิน 200 ล้านดอลลาร์สำหรับภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหารให้ 6 ประเทศในตะวันออกกลางที่สู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่อาเบะประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนเกิดเหตุไอเอสเรียกค่าไถ่พลเมืองญี่ปุ่น 2 คนในจำนวนเงินเท่ากัน อันนำไปสู่วิฤตตัวประกันที่ปิดฉากลงด้วยการที่ทั้งคู่ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด
ปีที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของอาเบะยังได้ผ่อนคลายการห้ามส่งออกทางการทหาร และรับรองการตีความรัฐธรรมนูญใฝ่สันติเสียใหม่เพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถเข้าช่วยเหลือปกป้องพันธมิตรหรือประเทศอื่นๆ ในกรณีที่ถูกโจมตี อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นสามารถใช้กำลังทหารเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
รัฐบาลภายใต้การนำของอาเบะตั้งเป้าผลักดันให้รัฐสภารับรองการตีความรัฐธรรมนูญใหม่ภายในปีนี้ ซึ่งจะปูทางให้กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยสามารถออกไปต่อสู้นอกประเทศได้เป็นครั้งแรกนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ว่าด้วยความช่วยเหลือต่างประเทศ ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ยังขยายความช่วยเหลือในการพัฒนาอย่างเป็นทางการไปยังประเทศมั่งคั่งด้วย
การรับรองแนวทางใหม่นี้มีขึ้นประจวบกับที่จีนตัดสินใจขยายความช่วยเหลือให้แก่ต่างชาติ โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะที่สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในภูมิภาคและทั่วโลกตึงเครียดมากขึ้น แนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ของญี่ปุ่นระบุว่า ไม่มีประเทศใดสามารถปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพด้วยตัวเองตามลำพัง และ “ความช่วยเหลือในการพัฒนาเป็นหนึ่งในเครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่สุด (ในทางการทูต) และมีความสำคัญในรูปการลงทุนเพื่ออนาคต”
ปีที่ผ่านมา โตเกียวลงนามข้อตกลงกับฟิลิปปินส์และเวียดนามเพื่อจัดหาเรือยามฝั่งเพื่อช่วยตรวจการณ์ในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทกับจีน
ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศผู้บริจาคความช่วยเหลือในการพัฒนาอย่างเป็นทางการรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี อย่างไรก็ดี ปีที่ผ่านมา งบประมาณส่วนนี้ของโตเกียวลดเหลือเพียง 4,700 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 10,000 ล้านดอลลาร์ในปี 1997