xs
xsm
sm
md
lg

IEA ชี้ “สหรัฐฯ” รั้งแชมป์ผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ได้ถึงปี 2020 แต่ “รัสเซีย” น่าห่วง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ – ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ)ชี้ สหรัฐฯ จะยังครองแชมป์ผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ต่อไปจนถึงปี 2020 คาดวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อกำลังการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) อย่างที่หลายฝ่ายคาดเดา

รายงานของไออีเอว่าด้วยแนวโน้มตลาดน้ำมันในระยะกลางชี้ว่า ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจาก 115 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ลงมาเหลือแค่ราวๆ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งเกือบต่ำสุดในรอบ 6 ปี จะเริ่มเข้าสู่ภาวะเสถียรโดยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันที่ทรุดหนักเป็นผลมาจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับยุทธศาสตร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยประกาศคงกำลังผลิตเท่าเดิมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดแข่งกับผู้ผลิตน้ำมันหินดินดานในสหรัฐฯ

“การปรับสมดุลของตลาดน่าจะเกิดขึ้นเร็ว แต่ค่อนข้างจำกัด” ไออีเอ ระบุ

ไออีเอ ชี้ว่า สหรัฐฯ อาจต้องชะลอการผลิตน้ำมันเบา (light oil) และน้ำมันจากชั้นหินดินดานลงในระยะแรก แต่จะฟื้นตัวในภายหลัง และมีกำลังผลิตสูงถึง 5.2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2020 ขณะที่อุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซียค่อยข้างน่าเป็นห่วง

“รัสเซียซึ่งเผชิญมรสุมหลายด้านทั้งปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ มาตรการคว่ำบาตรจากต่างชาติ และค่าเงินรูเบิลอ่อน อาจจะกลายเป็น ‘ผู้แพ้’ อย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมน้ำมัน” และมีแนวโน้มว่ากำลังผลิตจะลดลง 560,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ปี 2014 ไปจนถึง 2020

ไออีเอ ยังทำนายว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกซึ่งอยู่ที่ระดับ 29.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ จะขยับสูงขึ้นเป็น 29.90 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกลดกำลังการผลิตลง

นักวิเคราะห์รายอื่นๆ มองว่า ราคาน้ำมันที่ตกต่ำและการลงทุนที่ซบเซาลงจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกรุนแรงเป็นพิเศษ

รายงานประจำเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งโอเปกเผยแพร่วานนี้(9) ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันของโอเปกในปีนี้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากยุทธศาสตร์ของโอเปกที่ไม่ยอมลดกำลังผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน

ไออีเอคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 1.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 จากระดับ 910,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2015 ทว่าราคาน้ำมันที่ถูกลงจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในช่วงทศวรรษนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น