เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียวันนี้ (9 ก.พ.) ให้คำมั่นว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงตนเองและรัฐบาล ภายหลังที่เขาสามารถรักษาคะแนนในการลงมติไว้วางใจ จนรั้งตำแหน่งผู้นำไว้ได้ พร้อมกันนี้ผู้นำแดนจิงโจ้ยังเรียกร้องให้ลูกพรรคยุติความแตกแยก ในยามที่คะแนนความนิยมของรัฐบาลพรรคลิเบอรัลของเขากำลังดิ่งฮวบ
แอ็บบอตต์กำลังต่อสู้เพื่อรักษาเก้าอี้ของตนเองไว้ ภายหลังที่คะแนนความนิยมของเขาถลำลง ตลอดจนการปลี่ยนแปลงนโยบายและแผนงบประมาณซึ่งไม่เป็นที่สบอารมณ์ประชาชน จนกระตุ้นให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนในพรรคอนุรักษนิยม “ลิเบอรัลปาร์ตี้” หันมาโจมตีเขาอย่างเปิดเผย พร้อมทั้งออกมาเรียกร้องให้เปิดศึกท้าชิงตำแหน่งผู้นำจากแอบบ็อตต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การลงมติครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเคลียร์ตำแหน่งหัวหน้าพรรค และรองหัวหน้าพรรคของแอ็บบอตต์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ จูลี บิชอป ให้ว่างลง ซึ่งถ้าหากแผนการดังกล่าวสำเร็จ สมาชิกพรรคลิเบอรัลทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาก็จะสามารถโหวตเลือกผู้สมัครคนใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาที่สังกัดพรรคลิเบอรัลทั้ง 101 คน ซึ่งคนหนึ่งเข้าร่วมการลงคะแนน ต่างปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 61 ต่อ 39 ในการลงคะแนนลับ
ในการแถลงสั้นๆ ออกอากาศทางโทรทัศน์ แอ็บบอตต์ได้เรียกร้องให้พรรคของตนยุติ “ความแตกแยกและความไม่แน่นอน” รวมทั้งก้าวเดินต่อไป
“พรรคลิเบอรัลได้จัดการกับอารมณ์อันเดือดพล่าน จนตอนนี้สามารถก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้แล้ว” เขากล่าว
“เรามีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำงานเพื่อพวกคุณ ประชาชนผู้เลือกเราเข้ามาเป็นรัฐบาล เราต้องการยุติความแตกแยก และความไม่แน่นอนที่เคยทำลายรัฐบาลพรรคแรงงานทั้งสองชุด และมอบรัฐบาลที่ดีซึ่งประชาชนสมควรได้รับ”
ก่อนหน้านี้ พรรคแรงงานได้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคมาแล้วถึงสองครั้ง ในช่วงที่พรรคนี้ดำรงตำแหน่งรัฐบาลระหว่างปี 2007 ถึงปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตอย่างรุนแรงของแอ็บบอตต์
แอ็บบอตต์กล่าวว่า “เมื่อคุณเลือกรัฐบาล และเมื่อคุณเลือกนายกรัฐมนตรี คุณก็ควรจะปล่อยให้รัฐบาลชุดนั้น และนายรัฐมนตรีคนนั้นทำงานต่อไป จนกว่าคุณจะมีโอกาสได้เปลี่ยนใจ”
เขายอมรับระหว่างการแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า รัฐบาล “ได้ใช้ความพยายามจนเกินกำลัง” เพื่อควบคุมปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่กำลังบานปลายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการตัดรายจ่ายด้านสาธารณสุข และการศึกษา พร้อมทั้งดำเนินนโยบายสวัสดิการสังคมอย่างประหยัดมัธยัสถ์ จนถูกประณามว่าเป็นการดำเนินมาตรการที่แข็งกราวเกินไป
“ผมได้รับฟัง ผมได้เรียนรู้ และได้เปลี่ยนแปลง ในขณะที่รัฐบาลก็จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับผม” เขาเน้นย้ำ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะ “รับฟังคำปรึกษาและเปิดใจเรียนรู้ให้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธที่จะระบุว่ามีแผนจะปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ในยามที่รัฐมนตรีคลัง โจ ฮอกกี นั้นถูกมองว่าอาจตกเป็นแพะรับบาปจากการปรับคณะรัฐมนตรี
แอ็บบอตต์ ในวัย 57 ปี ยังคงรั้งตำแหน่งไว้ได้ แม้ว่าผลสำรวจความคิดเห็น “นิวส์โพล” ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ “ดิออสเตรเลียน” อาจดูย่ำแย่ และผลการลงมติไว้วางใจก็ไม่น่าจะสามารถรับประกันอนาคตของผู้นำออสเตรเลียได้
ทั้งนี้ คะแนนนิยมของแอบบ็อตต์นั้นยังห่างชั้นจากรัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสาร มัลคอล์ม เทิร์นบูล และรัฐมนตรีต่างประเทศ จูลี บิชอป อยู่ไกลโข โดยรัฐมนตรีทั้งสองถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่อาจชิงเก้าอี้ผู้นำมาจากแอ็บบอตต์ได้ แต่ทั้ง เทิร์นบูล และบิชอปต่างไม่ได้เสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นับแต่ได้รับเลือกเข้ามาบริหารรัฐบาลเมื่อเดือนกันยายน ปี 2013 พรรคลิเบอรัลก็สามารถบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกับจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสามารถยกเลิกการเก็บภาษีคาร์บอน และเหมืองแร่ที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งยังสามารถลดจำนวนผู้แสวงหาที่พักพิงที่ลักลอบอพยพเข้าออสเตรเลียมาทางเรือได้ลงไปมาก
อย่างไรก็ตาม นโยบายตัดลดงบประมาณเพื่อควบคุมการขาดดุลงบประมาณ ตามที่ลิเบอรัลเสนอไปนั้นกลับทำให้คะแนนของพรรคเหือดหาย โดยรัฐมนตรึคลัง ฮอกกี ถูกรุมวิจารณ์ว่า โปรโมตนโยบายเหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ แอ็บบอตต์ยังถูกวิจารณ์จากการเปลี่ยนจุดยืนในหลายประเด็นปัญหาด้วยกัน และด่วนตัดสินใจโดยไม่ถามความเห็นของคนอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งจากกรณีการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น “อัศวิน” แด่เจ้าชายฟิลิปแห่งสหราชอาณาจักร เนื่องในโอกาสวันชาติออสเตรเลีย 26 มกราคมที่ผ่านมา จนกระตุ้นให้คนในพรรคหาทางท้าชิงตำแหน่งผู้นำจากเขา