เอเอฟพี - รูปหล่อสองชิ้นที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ราวกับของไร้ค่ามานานกว่า 1 ศตวรรษ อาจเป็นงานสำริดเพียงหนึ่งเดียวของ “มีเกลันเจโล” ประติมากร และจิตรกรเอกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ที่ยังหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ คณะนักวิจัยประกาศที่อังกฤษในวันนี้ (2 ก.พ.)
คณะนักวิจัยนานาชาติ ภายใต้การนำของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และพิพิธภัณฑ์ฟิตซ์วิลเลียมของอังกฤษ ได้ค้นพบหลักฐานใหม่ที่เชื่อมโยงรูปเปลือยทั้งสองชิ้น เข้ากับมีเกลันเจโล ซึ่งสร้างชื่อจากภาพเขียน “การพิพากษาครั้งสุดท้าย” บนเพดานโบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel)
หากพิสูจน์ได้ว่างานศิลปะเป็นรูปชายหนุ่ม และชายชราขี่เสือดาวความสูง 1 เมตรชิ้นนี้ เป็นของมีเกลันเจโลจริงก็จะทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นรูปหล่อสำริดเพียงหนึ่งเดียวของศิลปินเอกผู้นี้ที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลก
เคยมีการสันนิษฐานว่า รูปหล่อสำริดชิ้นนี้น่าจะเป็นของมีเกลันเจโล เมื่องานชิ้นนี้ถูกกล่าวถึงในบันทึกเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ก็ถูกมองข้ามไปในช่วง 120 ปีให้หลัง เนื่องจากขาดเอกสาร และลายมือชื่อกำกับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ศาสตราจารย์กิตติคุณ พอล โจอันนาดีส จากภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ค้นพบหลักฐานชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง
โจอันนาดีสพบภาพวาดชายหนุ่มรูปร่างกำยำขี่หลังเสือดาว ในสำเนาของนักศึกษาคนหนึ่งซึ่งเผยให้เห็นภาพสเกตช์ของมีเกลันเจโล ทำให้เข้าใจได้ว่าศิลปินแดนมะกะโรนีผู้นี้เคยวางแผนจะสร้างรูปหล่อที่ดูแปลกแหวกแนว
เมื่อมีการศึกษารูปหล่อสำริดชิ้นนี้ให้อย่างละเอียดมากขึ้น ก็พบว่า รูปหล่อชิ้นนี้มีรูปแบบ และลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์เหมือนกับผลงานของมีเกลันเจโล ในช่วงปี 1500 ถึง 1510 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผลการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า รูปสำริดชิ้นนี้ถูกทำขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นที่รับรู้กันว่ามีเกลันเจโลได้สร้างรูปหล่อสำริดขึ้นมาหลายชิ้น แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าไม่มีชิ้นใดหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
มีเกลันเจโลเคยจำลองรูปสลักหินอ่อน “เดวิด” อันมีชื่อเสียงของตนเองให้มีขนาดเล็กเป็น 2 ใน 3 จากของจริง ทว่า งานสลักชิ้นนั้นก็สูญหายไปในช่วงเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส
รูปหล่อเนื้อสำริดขนาดใหญ่กว่าตัวจริง 2 เท่าของสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ถูกนำไปหลอมทำเป็นกระสุนปืนใหญ่หลังจาก มีเกลันเจโล สร้างแล้วเสร็จได้เพียงไม่ถึง 3 ปี
รูปหล่อชายขี่หลังเสือดาวจะถูกนำออกแสดงในพิพิธภัณฑ์ฟิตซ์วิลเลียม ที่เมืองเคมบริดจ์นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (3) ไปจนถึงเดือนสิงหาคม ขณะที่ขั้นตอนการวิจัยก็จะยังดำเนินต่อไป และจะมีการประกาศบทสรุปขั้นสุดท้ายในเดือนกรกฎาคมนี้
