รอยเตอร์ – รัสเซียกล่าวโทษเคียฟในวันนี้ (26) ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายตะวันตกอย่าแสดงท่าทีสนับสนุนด้วยการกระทำอย่างเช่น การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อมอสโคว
กลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรมอสโคว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสิ่งที่นาโต (องค์การสนธิสัญยาป้องกันแอตแลนติกเหนือ) ระบุว่าเป็นการเข้ามามีส่วนรวมอย่างโจ่งแจ้งของกองทหารรัสเซีย ได้เปิดฉากบุกจู่โจมในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน โดยเคียฟ ระบุเมื่อวันเสาร์ (24) ว่า พลเรือน 30 คนถูกสังหารในการยิงปืนใหญ่ที่เมืองมาริอูโปล
รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งอาวุธและทหารเข้าไปสนับสนุนกลุ่มกบฏ และ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนกำลังตอบโต้การโจมตีจากกองกำลังรัฐบาลยูเครน
“เราเห็นความพยายามที่ทำให้กรับวนการสันติภาพหยุดชะงัก และความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าโดยผู้นำเคียฟที่จะแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังปราบปรามพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ความพยายามเหล่านี้ไม่ได้ก่อให้ผลลัพธ์อะไรเลย” ลาฟรอฟ บอกในที่แถลงข่าว
“เราคาดหวังว่าหุ้นส่วนตะวันตกของเราจะไม่กระทำการใดๆ ที่ทำให้ทางการเคียฟเกิดความคิดว่า ทุกการกระทำของพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนในตะวันตกโดยอัตโนมัติ”
เขาเรียกร้องให้ตะวันตกอย่าลงโทษรัสเซียอย่างไร้สติ และระบุว่า มันจะดูไร้เดียงสาที่จะเชื่อว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะยอมถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่จากกองกำลังรัฐบาลโดยไม่ตอบโต้
เขากล่าวว่า กลุ่มกบฏเริ่มต้นเคลื่อนไหวเพื่อ “ทำลายที่มั่นต่างๆ จากที่ที่กองกำลังติดอาวุธของยูเครนยิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่ที่มีผู้อยู่อาศัยด้วยอาวุธหนัก”