รอยเตอร์ - รัสเซียออกมาระบุในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่าการเจรจาเกี่ยวกับวิกฤติในยูเครนจะคืบหน้าได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายหยุดยิงกันอย่างแท้จริง เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพที่ทำไว้ตั้งแต่ 4 เดือนก่อน สามารถบังคับใช้ได้อย่างเต็มที่
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาระบุหลังการประชุมกับรัฐมนตรีเยอรมัน ฝรั่งเศสและยูเครน ในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันจันทร์ (12 ม.ค.) ว่าทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามีเพียงการหยุดยิงอย่างจริงจังเท่านั้น ที่จะช่วยปูทางไปสู่การพูดคุยของเหล่าผู้นำจากประเทศต่างๆ ที่กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน "อังเกลา แมร์เคิล" ได้ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ายุโรปจะไม่หยุดการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย จนกว่าข้อตกลงสันติภาพซึ่งลงนามไว้ในกรุงมินสก์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว จะสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้ง 12 ข้อ
ที่ผ่านมา ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างก็โทษอีกฝ่าย ว่าล้มเหลวในการบังคับใช้ข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามในกรุงมินสก์รวมถึงการยุติเหตุสู้รบในยูเครนตะวันออก ระหว่างฝ่ายกองทัพรัฐบาลกับพวกกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนปีที่แล้ว และทำให้มีคนตายไปกว่า 4,700 ราย
การแสดงความเห็นของลาฟรอฟ ทำให้แผนการพูดคุยกันที่กรุงอัสตานาในวันพฤหัสบดีต้องยุติลง โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้เชื้อเชิญผู้นำรัสเซีย ฝรั่งเศสและเยอรมันให้เข้าร่วมพูดคุยกัน
ลาฟรอฟ ยังบอกด้วยว่า ความเห็นของบรรดารัฐมนตรีเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจัง จะช่วยให้แผนการประชุมที่กรุงอัสตานาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นพ้องว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังให้มากขึ้น
เขายังบอกอีกว่า มันจะยิ่งเป็นการสร้างความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น หากทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในยูเครนได้มาร่วมพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความพยายามของรัสเซียที่จะผลักดันให้พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ควบคุมพื้นที่โดเนตสก์และลูฮันสก์ ได้มีโอกาสแสดงความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของยูเครน