เอพี/เอเจนซีส์ - หลังการเผยแพร่คลิปการสังหาร ฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปี ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ญาติและเพื่อนของตัวประกันพลเมืองญี่ปุ่นทั้งสองต่างตกอยู่ในความเศร้าและตื่นตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) พ่อของยูคาวะเสียใจอย่างท่วมท้นต่อข่าวการเสียชีวิตของบุตรชาย และยังหวังลึกๆ ว่าจะไม่ใช่ฮารุนะที่จากไป ในขณะที่ NBC News สื่อสหรัฐฯ ชี้ข้อเรียกร้องใหม่ของกลุ่ม IS ที่ต้องการให้แลกเปลี่ยนชีวิตกับพลเมืองญี่ปุ่นที่เหลือเพื่อแลกกับผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิง IS ชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนนั้นเป็นกลยุทธ์ในการโปรโมตข่าวชวนเชื่อให้กับทางกลุ่มว่าเป็นผู้ปกป้อง “หญิงมุสลิม”
โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) บิดา วัย 74 ปีของฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปีที่เพิ่งได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายหลังจากเส้นตาย 72 ชม. ผ่านพ้นไปในวันศุกร์ (23) ได้เปิดแถลงความรู้สึกวันนี้ (25) ที่กรุงโตเกียวว่า “ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องจริง” ยูคาวะกล่าว ซึ่งลูกชายของเขาที่มีความต้องการเปิดธุรกิจด้านให้บริการความมั่นคงถูกจับตัวในซีเรียในปีที่ผ่านมา และยูคาวะกล่าวต่อกับสื่อทีวีญี่ปุ่นโดยขอไม่ให้เปิดเผยใบหน้าว่า “หากผมสามารถได้พบกับฮารุนะอีกครั้ง ผมจะกอดเขานานๆ” และโชอิจิ ยูคาวะ ยังขอโทษต่อทุกคนที่ลูกชายของเขาทำให้ทุกคนเดือดร้อน ซึ่งเอพีชี้ว่าถึงแม้ฮารุนะ ยูคาวะถูกลักพาตัวไปในปีที่ผ่านมา แต่ทว่าข่าวของเขาหายไปอย่างรวดเร็วจากหน้าสื่อญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเห็นว่า ยูคาวะเดินทางเสี่ยงไปที่ถิ่นสงครามกลางเมืองตามลำพังด้วยความบ้าบิ่นและสมัครใจ แต่ทว่าข่าวการถูกสังหารของฮารุนะด้วยฝีมือกลุ่ม IS และสถานการณ์ล่อแหลมในความสามารถการทูตญี่ปุ่นที่จะต้องช่วยพลเมืองตัวประกันที่ถูกจับนั้นทำใหญี่ปุ่นตกอยู่ในอาการขวัญผวาเนื่องจากเป็นประเทศที่ถือได้มีนโยบายเชิงสันติ และมีอัตราอาชญากรต่ำ
ในขณะเดียวกัน สื่อญี่ป่น อาซาฮี ชิมบุน รายงานเพิ่มเติมวันนี้ (25) ว่า ด้านพ่อตาของเคนจิ โกโตะ นักข่าวญี่ปุ่น วัย 47 ปี ที่ปรากฏภาพในวิดีโอคลิปถือภาพการเสียชีวิตของเพื่อน ยูคาวะ และเสียงบรรยายประกอบคลิปยื่นข้อเสนอแลกชีวิตเขากับมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี ( Sajida al-Rishawi) กล่าวว่า “เรายังไม่สามารถวางใจได้จนกว่า เคนจิจะสามารถมีชวิตกลับมาถึงญี่ปุ่นได้ เพราะเขาอาจถูกสังหารในนาทีใดก็ได้ ผมต้องการให้เขากลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด” ส่วนจุนโกะ อิชิโด (Junko Ishido) มารดาวัย 78 ปีของนักข่าวญี่ปุ่นที่มักท่องเที่ยวในตะวันออกกลางเพื่อสัมภาษณ์คนท้องถิ่นที่นั่นเปิดเผยว่า “ดิฉันรู้สึกหนักอื้งเมื่อเห็นวิดีโอคลิปล่าสุด ดิฉันสงสัยว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงหรือในโลกใบนี้ ดิฉันคิดว่าสถานการณ์ที่โหดร้ายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ดิฉันจะคาดการณ์ได้ ดิฉันไม่สามารถมองโลกในง่ดีมากไปกว่านี้”
ส่วนโนบูโอะ คิโมโตะ (Nobuo Kimoto) วัย 70 ปีที่ปรึกษาบริษัทความปลอดภัยของฮารุน ยูคาวะ ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมยังสั่นไม่หาย ผมหวังว่า ข่าวที่ปรากฏนั้นไม่เป็นจริง” ทั้งนี้คิโมโตะที่เป็นอดีตสมาชิกสภาเขตอิบาระกิ เปิดเผยว่า เขาได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทยูคาวะเพราะเห็นความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ในเงื่อนไขใหม่แลกชีวิตโกโตะกับมือระเบิดหญิง IS นั้นสื่อสหรัฐฯ NBC News รายงานในวันนี้ (25) ถึงรายละเอียดของผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนว่า เธอผู้นี้ผูกระเบิดติดไว้กับกระเป๋าคาดเอวเพื่อระเบิดโรงแรมในอัมมาน ในปี 2005 แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวของผู้บัญชาการระดับสูงภายใต้ อาบู มูซาบ อัล-ซาร์คาวี (Abu Musab Al-Zarqawi) อดีตผู้นำอัลกออิดะห์ในอิรัก ซึ่ง อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi) ผู้นำคนปัจจุบันของ IS เคยทำงานเป็นนักรบภายใต้การนำของอัล-ซาร์คาวี
ด้าน Karima Bennoune ศาสตราจารย์กฎหมายระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูซีเดวิส เจ้าของหนังสือ “Your Fatwa Does Not Apply Here : Untold Stories from the Fight Against Muslim Fundamentalism.” และมีผู้ติดตามยูทิวบ์อีกร่วมล้านกว่าคนในการเปิดเผยถึงชีวิตของมุสลิมที่ต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ ถึงดีลล่าสุดที่ IS หยิบยื่นว่า “ดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องต่อรองของ IS ได้เปลี่ยนไปเพื่อมุ่งหวังในการทำโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าเงินตรา โดยต้องการให้ภาพลักษณ์ของ IS ถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องหญิงมุสลิม โดยเธอได้โยงไปถึงภาษาที่ถูกใช้ในวิดีโอคลิปล่าสุด ที่เรียกขานมือระเบิดหญิงว่า “น้องสาวที่ถูกกักขัง” ซึ่งสื่อเป็นนัยถึงการสร้างภาพชวนเชื่อ
ทั้งนี้ซาจิดา อัล-ริชาวีพยายามจะกดระเบิดในระหว่างงานพิธีสมรสของคู่บ่าวสาวหนึ่งที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูในอัมมาน ปี 2005 พร้อมกับ ฮุซเซน อาลี อัล-ชามารี (Hussein Ali al-Shamari) สามีของเธอประสบความสำเร็จเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายสังหารคนไปเกือบ 40 คนที่โรงแรมแรดิสสันในจอร์แดน และมือระเบิดหญิง IS ถูกจำคุกในปี 2006
โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า อาเบะได้ต่อสายโทรศัพท์ปรึกษากษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนในวันเสาร์ (24) สื่อรัฐบาลจอร์แดน เพตรารายงาน โดยไม่ได้ระบุว่าผู้นำทั้งคู่ได้สนทนาเรื่องใดบ้าง แต่สกายทีวี สื่ออังกฤษวิเคราะห์ว่า อาจมีการปรึกษาถึ งข้อเรียกร้องล่าสุดของกลุ่มติดอาวุธ IS