เอเอฟพี – ตำรวจเบลเยียมยิงสังหารกลุ่มติดอาวุธ 2 คนในปฏิบัติการสกัดกั้นแผนก่อการร้ายครั้งใหญ่เมื่อวานนี้(15) ท่ามกลางกระแสหวาดผวาทั่วยุโรป หลังจากที่กรุงปารีสเพิ่งเผชิญการโจมตีจากกลุ่มมือปืนอิสลามิสต์จนมีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน
ตำรวจเบลเยียมยังได้เข้าตรวจค้นอาคารบ้านเรือนสิบกว่าแห่งในกรุงบรัสเซลส์และปริมณฑล และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 หลังจากที่ตำรวจได้เปิดฉากยิงปะทะที่เมืองแวร์วิเยร์ (Verviers) ใกล้พรมแดนเยอรมนี โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นแผนการร้ายของกลุ่มวัยรุ่นในยุโรปที่เชื่อว่าเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการ “ญิฮาด” ในซีเรีย
“คนร้ายกลุ่มนี้มีกันประมาณ 10 คน บางรายเพิ่งเดินทางกลับมาจากซีเรีย และกำลังเตรียมก่อการโจมตีครั้งใหญ่ในเบลเยียม” เธียร์รี เวิร์ตส์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการกลางเบลเยียม แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงบรัสเซลส์
“ระหว่างที่เข้าตรวจค้น ผู้ต้องสงสัยบางคนได้ชักอาวุธปืนอัตโนมัติขึ้นมายิงใส่หน่วยปรามปราบพิเศษ การยิงปะทะใช้เวลาอยู่หลายนาที มีผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 คน และถูกจับกุมอีก 1 คน”
นายกรัฐมนตรี ชาร์ลส มิเชล ระบุว่า ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเบลเยียม “มุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับผู้ใดก็ตามที่ต้องการสร้างความหวาดกลัว”
ทางการเบลเยียมยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายตามอาคารสำนักงานของรัฐสู่ขั้น 3 ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเพียง 1 ขั้น พร้อมระบุว่ากลุ่มคนร้ายที่ถูกสังหารและจับกุมเมื่อวานนี้(15) มุ่งที่จะโจมตีตำรวจ
ทั้งนี้ ไม่มีตำรวจหรือพลเรือนทั่วไปได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะที่เมืองแวร์วิเยร์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ประมาณ 125 กิโลเมตร และมีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
จากคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์เบลเยียม มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังต่อเนื่องหลายนาที และเกิดเพลิงไหม้ขึ้นภายในอาคารที่ตำรวจยิงต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธ
เวิร์ตส เล่าว่า “ขนาดผู้ต้องหาคนหนึ่งบาดเจ็บจนล้มลงกับพื้น แต่เขาก็ยังยิงใส่ตำรวจไม่หยุด”
ริดวาน วัย 65 ปี ซึ่งเป็นชาวเบลเยียมเชื้อสายโมร็อกโก ระบุว่า “คนที่นี่หวาดกลัวกันมาก พวกเราไม่กล้าออกจากบ้านเลย มีผู้ก่อการร้ายในแวร์วิเยร์... ผมกับภรรยาทนรับไม่ได้อีกแล้ว”
ข้อมูลจากทางการเปิดเผยว่า มีพลเมืองเบลเยียม 325 คนเดินทางไปสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มอิสลามิสต์อื่นๆ ในอิรักและซีเรีย ทำให้เบลเยียมกลายเป็นประเทศที่มีสัดส่วนนักรบญิฮาดต่อหัวประชากรสูงที่สุดในยุโรป
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2014 เกิดเหตุมือปืนอิสลามิสต์บุกเข้าไปยิงคนตาย 4 ศพที่พิพิธภัณฑ์ยิวในกรุงบรัสเซลส์ ผู้ต้องสงสัยคือ เมห์ดี เนมมูเช ซึ่งเคยเดินทางไปซีเรีย ถูกตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาฆาตกรรม
กลุ่มชายต้องสงสัยในเมืองเวียร์วิเยร์ถูกตำรวจเบลเยียมติดตามความเคลื่อนไหวตั้งแต่พวกเขากลับจากซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีพฤติกรรมบ่งบอกว่าจะก่อเหตุโจมตีเร็วๆนี้
อัยการชี้ว่า เวลานี้ยังไม่พบ “ความเชื่อมโยง” ระหว่างกลุ่มติดอาวุธในเบลเยียมกับเหตุโจมตีนิตยสาร ชาร์ลี เอ็บโด และซุปเปอร์มาร์เก็ตยิวในกรุงปารีส แต่เมื่อเช้าวานนี้(15) พนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า มีชายชาวเบลเยียมคนหนึ่งต้องสงสัยว่าอาจเป็นผู้จัดส่ง “อาวุธ” ให้แก่ อาเมดี คูลิบาลี มือปืนที่กราดยิงซุปเปอร์มาร์เก็ตยิว
ชายชาวเบลเยียมซึ่งมีชื่อว่า นีทิน คาราซูลาร์ เคยติดต่อซื้อรถยนต์ของ ฮายัต บูเมดดีน ภรรยาสาวของ คูลิบาลี ซึ่งหลบหนีออกจากฝรั่งเศสและเชื่อว่าคงจะเข้าไปกบดานในซีเรียแล้ว
คาราซูลาร์ เข้ามอบตัวต่อตำรวจเบลเยียมเมื่อวันอังคาร(13) โดยยอมรับว่าเคยติดต่อกับ คูลิบาลี ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ และพยายาม “ฉ้อโกง” สองสามีภรรยาชาวฝรั่งเศสในเรื่องซื้อขายรถ แต่เมื่อทราบข่าวเหตุโจมตีที่ฝรั่งเศสก็รู้สึกกลัวมาก
สำนักข่าวเบลกา รายงานว่า พนักงานสอบสวนพบเอกสารภายในบ้านของ คาราซูลาร์ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าเขาเคยเจรจาซื้อขายอาวุธกับ คูลิบาลี จริง รวมไปถึงปืน “โตกาเรฟ” ที่ใช้ในการกราดยิงซุปเปอร์มาร์เก็ตยิว
ทางการตุรกี ยืนยันว่า ฮายัต บูเมดดีน เดินทางออกจากตุรกีข้ามพรมแดนไปซีเรียเมื่อวันที่ 8 มกราคม โดยเธอได้โดยสารเครื่องบินจากกรุงมาดริดไปถึงนครอิสตันบูล ก่อนที่เหตุโจมตีในปารีสจะเกิดขึ้น