เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ในขณะที่ประธานาธิบดีเม็กซิโก เอนริเก้ เปนา นีเอโต เข้าพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามที่ทำเนียบขาวในวันอังคาร(6)ที่สหรัฐฯยื่นมือช่วยเหลือปราบปรามขบวนการยาเสพติด ล่าสุดมีการพบร่าง10 ศพ และ 11 ศรีษะในหลุมศพหมู่ในรัฐเกร์เรโร สถานที่เกิดคดี 43นักศึกษาหายตัว และเมื่อวานนี้(7)ตำรวจเม็กซิกันถึง 13 นายถูกจับกุมในคดีเกี่ยวเนื่องจากการลักพาตัวนักข่าวเม็กซิกัน มอยเซส ซานเชซ (Moises Sanchez )
ตำรวจเม็กซิกันพบศพจำนวน 10 ร่าง และอีก11ศรีษะในหลมศพหมู่ในรัฐเกร์เรโร ซึ่งเป็นรัฐเกิดเหตุคดี 43 นักศึกษาฝึกหัดครูหายตัวลึกลับไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 และทำให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยชิ้นส่วนร่างกายของศพที่ปราศจากศรีษะ ซึ่งถูกพบล่าสุดนั้นถูกทิ้งไว้ในหลุมศพหมู่ห่างไปทางตะวันออกของรัฐเกร์เรโรราว 31 ไมล์ และพบว่าสภาพตามตัวของศพเหล่านั้นมีร่องรอยการโดนทรมานอย่างหนัก และต่างอยู่ในสภาพที่มือทั้งสองถูกมัด แหล่งข่าวตำรวจเม็กซิกันในท้องที่ให้สัมภาษณ์ในวันพุธ(7)
นอกจากนี้ในอีกหลุม ทางตำรวจแดนจังโก้ต้องตกตะลึงเมื่อพบกับศรีษะจำนวน 11 หัวถูกทิ้งไว้ในถุงขยะสีดำขนาดใหญ่ ที่ฝังรวมกันไว้จำนวน 4ถุง ซึ่งสำนักงานอัยการรัฐเกร์เรโรแถลงว่า ยังไม่ทราบข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อเหล่านี้ ในขณะที่ผู้ว่าการรัฐเกร์เรโรยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนคดี 43 นักศึกษาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
นอกจากนี้ในวันอังคาร(6)ที่ผ่านมา ในระหว่างการพบปะของ 2ชาติผู้นำที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาได้กล่าวกับประธานาธิบดีเม็กซิโก เอนริเก้ เปนา นีเอโต ว่า สหรัฐฯมีข้อผูกพันกับเม็กซิโกที่จะเป็นธุระช่วยเหลือปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด แต่รัฐบาลเม็กซิกันต้องเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเอง
และอีกด้านที่รัฐเวราครูซ เมื่อวานนี้(7) ตำรวจเม็กซิกัน 13 นายถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวนักข่าวเม็กซิกัน มอยเซส ซานเชซ (Moises Sanchez ) และในการจับกุมครั้งนี้พบว่า มีเจ้าหน้าที่เมืองรวมอยู่ในกลุ่มตำรวจ 36 คนที่ได้รับคำสั่งเข้าให้ปากคำในการหายตัวไปของซานเซซ บ.ก หนังสือพิมพ์เมืองเมเดลลิน La Union โดยเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า บ.กผู้นี้ถูกกลุ่มชายมีอาวุธครบมือลักพาตัวจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา
ด้าน ลูอิส แอนเจิล บราโว อัยการรัฐเวราครูซ ได้สั่งการให้จับกุมตำรวจเม็กซิกัน 13 นาย และคุมขังในวันพุธ(7)เป็นเวลา 30วัน และออกคำสั่งปล่อยเจ้าหน้าที่อื่นกลับบ้าน
ทั้งนี้ซานเชซขึ้นชื่อว่าเป็นนักข่าวที่ตีแผ่ปมปัญหาความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องจากยาเสพติดที่สั่นสะเทือนเมืองเมเดลลิน โดยอัยการรัฐเวราครูซเปิดเผยต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวอย่างดีเอ็นเอจากบุตรชายของซานเชซเพื่อเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนของศพชายคนหนึ่งที่ถูกพบใกล้กับหมู่บ้าน Soledad de Doblado ในคืนวันจันทร์(5)
โดยทางเจ้าหน้าที่เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ร่างที่ถูกพบนั้นมีร่องรอยการถูกทรมาน และอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นร่างของผู้ใด
เอเอฟพีรายงานปิดท้ายว่า รัฐเวราครูซถือเป็นรัฐที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายมากที่สุดในเม็กซิโกสำหรับอาชีพนักสื่อสารมวลชน มีนักข่าวอย่างน้อย 15 รายถูกสังหาร และอีก 4 คนสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา และทั่วประเทศมีนักข่าวจำนวน 81 คนถูกปลิดชีพในช่วงระหว่างปี 2000 ไปจนถึงกันยายน 2014 อ้างจากองค์กรนักข่าวไร้พรมแดนที่เรียกเม็กซิโกว่า เป็น 1 ในประเทศที่อันตรายมากที่สุดในโลกสำหรับอาชีพสื่อสารมวลชน
