เอเอฟพี - กระบวนการพิจารณาคดีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดในการวิ่งมาราธอนที่บอสตัน ได้เริ่มการคัดเลือกคณะลูกขุนกันในวันนี้ (5 ม.ค.) หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญชาวอเมริกันขึ้นเมื่อ 20 เดือนก่อน
โซคาร์ ซานาเยฟ ชาวมุสลิมวัย 21 ปี ที่มีพื้นเพดั้งเดิมเป็นคนเชเชน กำลังเผชิญกับการตัดสินคดีที่มีโทษถึงประหารชีวิต จากการเป็นผู้ลงมือก่อเหตุระเบิดในการวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตัน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2013
ในตอนนั้น มีระเบิด 2 ลูกที่ถูกติดตั้งไว้ใกล้กับเส้นชัย โดยฝีมือของซานาเยฟกับพี่ชายของเขา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 264 ราย
กระบวนการพิจารณาคดีครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน และคงจะรื้อฟื้นความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของชาวเมืองกลับมาอีกครั้ง เหยื่อบางรายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คราวนั้นย้ำหนักแน่นว่าจะมาเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีทุกครั้ง ขณะที่บางรายก็ไม่อยากจะนึกถึงประสบการณ์ที่น่ากลัวนั้นอีก
ซานาเยฟ มาอาศัยอยู่ที่บอสตันพร้อมกับครอบครัวเมื่อ 8 ปีก่อน และได้สัญชาติอเมริกันในปี 2012 เขาจะมาปรากฏตัวในชั้นศาลเพียงคนเดียว เนื่องจาก "ทาเมอร์ลัน ซานาเยฟ" พี่ชายวัย 26 ปีของเขาที่ร่วมก่อเหตุครั้งนั้นเสียชีวิตระหว่างการเผชิญหน้ากับตำรวจ เพียงแค่ไม่กี่วันหลังก่อเหตุร้าย
ด้วยการไล่ล่าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนับพันในตอนนั้น ซานาเยฟคนน้องก็ถูกจับได้ หลังจากที่ซานาเยฟคนพี่ตายไปไม่กี่ชั่วโมง เขาได้รับบาดเจ็บและหลบซ่อนตัวอยู่ในเรือลำหนึ่งแถบชานเมืองบอสตัน
การคัดเลือกคณะลูกขุนที่เริ่มกันในวันนี้ (5 ม.ค.) คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ มีผู้ที่ถูกเรียกตัวมาเข้ารับการคัดเลือกราว 1,200 คน โดยจะแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 250 คน เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ระหว่างวันจันทร์ - พุธ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะมีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 12 คนเพื่อทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุน กับตัวสำรองอีก 6 คน
ซานาเยฟ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลาง นอกเมืองบอสตัน เขาจะมีทีมทนาย 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จูดี คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญในการรับมือกับโทษประหารชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาทนายผู้นี้เคยช่วยให้ลูกความรอดจากโทษตายมาแล้วหลายครั้ง
อ้างอิงจากสำนวนฟ้อง รัฐบาลเชื่อว่า 2 พี่น้องซานาเยฟ ได้กระทำการตามลำพัง โดยได้เรียนรู้วิธีการทำระเบิดมาจากข้อมูลที่กลุ่มอัลกออิดะห์เผยแพร่ในโลกออนไลน์
ข้อความที่พบในเรือลำที่ซานาเยฟใช้ซ่อนตัว ตอนเจ้าหน้าที่ออกไล่ล่า แสดงให้เห็นถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของพี่น้องคู่นี้
"รัฐบาลสหรัฐฯ ฆ่าคนบริสุทธิ์ของเรา พวกเราชาวมุสลิมนั้นรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน จงหยุดฆ่าคนของเรา เราจึงจะยอมหยุด" ข้อความดังกล่าว ระบุ