xs
xsm
sm
md
lg

มะกันเร่งแจงสยบลุกฮือประท้วงตำรวจ ยันคนดำที่ถูกยิงตายเล็งปืนใส่ก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online





เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ใช้ความพยายามเมื่อวันพุธ (24 ธ.ค.) ที่จะบรรเทาลดทอนความโกรธเกรี้ยวซึ่งปะทุขึ้นมาอีกระลอก ภายหลังเกิดกรณีตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวดำในคืนวันอังคาร (23) ที่เมืองเบิร์กลีย์ ชานนครเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี โดยยืนยันว่าเหตุล่าสุดนี้แตกต่างกรณีไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวระดมยิงเสียชีวิต ณ เมืองเฟอร์กูสัน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เนื่องจากมีหลักฐานวิดีโอยืนยันว่าผู้เสียชีวิตในรายหลังนี้เล็งปืนใส่ตำรวจ

ภายหลังการเสียชีวิตของแอนโตนิโอ มาร์ติน วัยรุ่นผิวดำวัย 18 ปี ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเบิร์กลีย์ ในคืนวันอังคาร (23) ได้มีฝูงชนราว 300 คนออกไปชุมนุมกันที่จุดนั้นด้วยความโกรธแค้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการขว้างปาก้อนหินและจุดพลุปาใส่เจ้าหน้าที่ เหมือนเหตุการณ์การประท้วงหลังการเสียชีวิตของบราวน์เมื่อหลายเดือนก่อน นอกจากนี้ยังมีคนกลุ่มเล็กๆ ไปชุมนุมกันในอีกคืนวันพุธ (24) ที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว และเดินขบวนไปยังทางหลวงสาย 170 และปิดถนนชั่วคราวก่อนกลับไปที่ปั๊มน้ำมัน

ขณะเดียวกัน มีคนกลุ่มเล็กๆ ถือโอกาสเข้าปล้นร้านแห่งหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ และตำรวจอย่างน้อย 1 คนได้รับบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาลจากการปะทะกับผู้ประท้วง ทั้งนี้ สื่อทีวีท้องถิ่นรายงานว่าในวันพุธมีผู้ประท้วงถูกจับกุม 6-8 คน

ธีโอดอร์ ฮอสกินส์ นายกเทศมนตรีเบิร์กลีย์ แถลงว่า เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ต่างจากกรณีบราวน์ที่ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดให้ตรวจสอบ รวมถึงกรณีอีริก การ์เนอร์ ที่เสียชีวิตจากการถูกตำรวจล็อกคอจากด้านหลังในนิวยอร์ก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ฮอสกินระบุว่า ในเหตุการณ์ที่เบิร์กลีย์นี้ มีภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด 3 มุมเผยให้เห็นว่า มาร์ตินชักปืนและเล็งไปที่ตำรวจผิวขาววัย 34 ปีที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ซึ่งเพิ่งจอดรถและลงมาถามบราวน์และชายอีกคนเกี่ยวกับการปล้นร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง

นายกเทศมนตรีผู้นี้ซึ่งก็เป็นคนดำ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เบิร์กลีย์ต่างจากเฟอร์กูสันที่ตำรวจผิวขาวส่วนใหญ่ปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนดำ เนื่องจากตำรวจที่เบิร์กลีย์นั้นเกินครึ่งเป็นคนผิวดำ

ทางด้านจอน เบลมาร์ ผู้บัญชาการตำรวจของเทศมณฑลเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ซึ่งครอบคลุมทั้งเบิร์กลีย์ และ เฟอร์กูสัน แถลงว่า มาร์ตินชักปืนขนาด 9 มม. ที่บรรจุกระสุน 6 นัดและเล็งไปที่ตำรวจ ทำให้ตำรวจคนดังกล่าวยิงใส่เขา 3 นัด แต่กระสุนถูกมาร์ตินเพียงนัดเดียวและเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ทั้งสำนักงานตำรวจของเซนต์หลุยส์ และของเมืองเบิร์กลีย์ต่างกำลังสอบสวนกรณีการยิงมาร์ติน ซึ่งเบลมาร์ระบุว่า เป็นโศกนาฏกรรมทั้งสำหรับครอบครัวของมาร์ตินและนายตำรวจคนดังกล่าวที่ปฏิบัติหน้าที่มานาน 6 ปี รวมทั้งกำลังตามตัวชายอีกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

เบลมาร์เสริมว่า ตำรวจนายนั้นไม่ได้ติดกล้องที่ตัว ขณะที่กล้องที่แผงหน้าปัดรถสายตรวจก็ปิดอยู่เนื่องจากไม่ได้เปิดไฟฉุกเฉิน แต่ก็ได้ภาพวิดีโอจากกล้องของปั๊มน้ำมัน

ผู้บัญชาการตำรวจเขตเซนต์หลุยส์ยังเปิดเผยว่า มาร์ตินมีประวัติอาชญากรรมโชกโชน ซึ่งรวมถึงข้อหาทำร้ายร่างกาย 3 คดี ข้อหาใช้อาวุธปล้น และการใช้อาวุธโดยผิดกฎหมายอื่นๆ อีกหลายคดี

กรณีล่าสุดนี้เป็นการยิงคนดำโดยตำรวจผิวขาวครั้งที่ 3 ในเขตเทศมณฑลเซนต์หลุยส์ นับจากที่บราวน์ วัย 18 ปี ถูกตำรวจผิวขาว ดาร์เรน วิลสัน ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม โดยรายแรกคือ คาจีมี พาวเวลล์ วัย 25 ปี ที่ถูกยิงขณะถือมีดและย่างสามขุมเข้าหาตำรวจ เมื่อวันที่ 19 เดือนเดียวกัน และรายที่สอง วอนเดอร์ริต ไมเออร์ วัย 18 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หลังจากยิงใส่ตำรวจก่อน

ทั้งสามกรณีกระตุ้นให้ฝูงชนชุมนุมประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากคณะลูกขุนใหญ่ของมิสซูรี ตัดสินไม่สั่งฟ้องวิลสันเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การประท้วงในหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ และขยายผลเป็นการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นไปอีก หลังจากคณะลูกขุนใหญ่ของนิวยอร์กก็ตัดสินไม่สั่งฟ้องตำรวจในกรณีการ์เนอร์เช่นเดียวกัน

สำหรับเหตุการณ์ในวันอังคาร มีตำรวจกว่า 50 คนเข้าควบคุมการประท้วง โดยใช้เพียงสเปรย์พริกไทย และมีผู้ประท้วง 4 คนถูกจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน

มาเรีย แชปเปลล์-นาดาล สมาชิกของวุฒิสภารัฐมิสซูรี ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต เคยเคยวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของตำรวจในกรณีบราวน์ ออกมาพูดอธิบายเช่นกันว่า เหตุการณ์ยิงมาร์ตินครั้งนี้ต่างจากกรณีบราวน์ เนื่องจากมาร์ตินเล็งปืนใส่ตำรวจ

ทั้งนี้ ตำรวจทั่วอเมริกาต่างได้รับการแจ้งเตือนให้ระวังตัว หลังจากตำรวจนิวยอร์ก 2 นายถูกจ่อยิงเสียชีวิตโดยชายผิวดำที่โพสต์ขู่สังหารตำรวจก่อนลงมือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20)

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในเบิร์กลีย์คาดว่า จะทำให้เกิดความไม่พอใจมากขึ้นกับการใช้ความรุนแรงของตำรวจ รวมทั้งทำให้คนผิวสีไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น