เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันพุ่งแรงและดาวโจนส์ปิดเหนือ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันอังคาร (23 ธ.ค.) หลังพบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวฉุดให้ทองคำปิดในแดนลบ เนื่องจากมันผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกรายงานคาดหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ครั้งที่ 3 ในวันอังคาร (23 ธ.ค.) ด้วยปรับเพิ่มประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นร้อยละ 5.0 จากที่เคยคาดคะเนไว้ครั้งก่อนหน้านี้ว่าน่าจะขยายตัวราวๆร้อยละ 3.9 ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจ เพิ่มความคาดหวังว่าการบริโภคพลังงานจะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ตัวเลขในวันอังคาร (23 ธ.ค.) ยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่เติบโตร้อยละ 4.6 นอกจากนี้แล้วมันยังขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.3 ตามที่เหล่าพวกนักวิเคาะห์คาดหมายกัน
ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งทะยาน ส่งผลให้ตลาดหุ้นอเมริกาวานนี้ (23 ธ.ค.) ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ขยับขึ้นไปเหนือ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 64.73 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,024.17 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.63 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,082.17 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเช่นกัน แนสแดค ลดลง 16.00 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,765.42 จุด
นอกจากข้อมูลจีดีพีแล้ว ข้อมูลอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังพบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคอเมริกาในเดือนธันวาคม แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี จากราคาน้ำมันเบนซินที่ถูกลง รวมถึงข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นและแนวโน้มค่าจ้างที่สูงขึ้นด้วย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ฉุดให้ทองคำปรับลดเล็กน้อยเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) เนื่องจากมันทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างประเทศ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,178.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์